“การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว” เป็นความจริงที่องค์กรต้องตระหนัก เพราะเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งแรงผลักดันจากบุคลากรภายใน การสนับสนุนจากภายนอก และกระบวนการทำงานที่เป็นระบบและมีโครงสร้างชัดเจน จึงจะช่วยให้องค์กรสามารถปลูกฝังการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนซึ่งส่งเสริมทั้งนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และความพึงพอใจของพนักงาน
หนึ่งในการศึกษาวิจัยที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ การศึกษาเรื่องความสุขของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ใช้เวลากว่า 85 ปี และได้ข้อค้นพบสำคัญมากมายเกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดความสุขในระยะยาว แม้งานวิจัยนี้จะมุ่งศึกษาความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละบุคคล
การฝึกอบรมเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนเกินกว่าที่จะระบุได้ว่าผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ดีเกิดจากวิทยากร ผู้เข้าอบรม หรือสิ่งใดแบบ 100% เพราะนี่คือกระบวนการที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ มากมาย ทั้งปัจจัยภายในตัวผู้เข้าอบรม เช่น
“เทรนด์ใหม่ของปี 2024 คือ ความเชื่องช้าเชิงกลยุทธ์ (Strategic Slowness)” โดยศาสตราจารย์สแตนฟอร์ด Bob
ทุกครั้งที่เราตั้งเป้าหมายในเชิงพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเอง เช่น การออกกำลังกาย การลดน้ำหนัก หรือการพัฒนาทักษะ เป็นต้น สิ่งที่มักเกิดขึ้นตามมาคือ เรามักจะมีแรงฮึดมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้นอยู่เพียง
“คุณเคยสงสัยไหมว่าความใจดีของผู้นำอาจกลายเป็นอุปสรรคที่มองไม่เห็นสำหรับองค์กรได้อย่างไร?” จากประสบการณ์ในฐานะที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมองค์กร ผมพบว่าบ่อยครั้งผู้นำที่มีความตั้งใจดีหรือ “ผู้นำใจดี” เผลอทำผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว และข้อผิดพลาดเหล่านั้นดันส่งผลเสียต่อทีมงานและวัฒนธรรมองค์กรโดยรวมได้ บทความนี้ ผมจะพาไปสำรวจ
หนึ่งในความท้าทายของความเป็นผู้นำคือ การรู้ว่าเมื่อใดควรพูดคำว่า “ไม่” กับทีมงาน เพื่อให้ทุกคนมุ่งโฟกัสสิ่งที่สำคัญจริง ๆ มากกว่า… ซึ่งการมุ่งความสนใจไปที่สิ่งสำคัญอย่างแท้จริง
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพียงผู้ที่มีวิสัยทัศน์หรือความสามารถในการสั่งการ แต่คือผู้ที่สามารถสร้างความไว้วางใจ ดึงศักยภาพของทีม และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่น “COBRA Leadership Model” ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้นำสามารถปลดล็อกศักยภาพเหล่านี้
“การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว” เป็นความจริงที่องค์กรต้องตระหนัก เพราะเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งแรงผลักดันจากบุคลากรภายใน การสนับสนุนจากภายนอก และกระบวนการทำงานที่เป็นระบบและมีโครงสร้างชัดเจน จึงจะช่วยให้องค์กรสามารถปลูกฝังการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนซึ่งส่งเสริมทั้งนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และความพึงพอใจของพนักงาน
หนึ่งในการศึกษาวิจัยที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ การศึกษาเรื่องความสุขของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ใช้เวลากว่า 85 ปี และได้ข้อค้นพบสำคัญมากมายเกี่ยวกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดความสุขในระยะยาว แม้งานวิจัยนี้จะมุ่งศึกษาความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละบุคคล
“การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว” เป็นความจริงที่องค์กรต้องตระหนัก เพราะเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งแรงผลักดันจากบุคลากรภายใน การสนับสนุนจากภายนอก และกระบวนการทำงานที่เป็นระบบและมีโครงสร้างชัดเจน จึงจะช่วยให้องค์กรสามารถปลูกฝังการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนซึ่งส่งเสริมทั้งนวัตกรรม การทำงานร่วมกัน และความพึงพอใจของพนักงาน
ในตอนนี้ของ Culture Crush เราจะพาไปถอดรหัส 8 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร ที่อาจทำให้การสร้างวัฒนธรรมผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้น วัฒนธรรมองค์กรไม่ใช่แค่สวัสดิการดี
“คุณเคยสงสัยไหมว่าความใจดีของผู้นำอาจกลายเป็นอุปสรรคที่มองไม่เห็นสำหรับองค์กรได้อย่างไร?” จากประสบการณ์ในฐานะที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมองค์กร ผมพบว่าบ่อยครั้งผู้นำที่มีความตั้งใจดีหรือ “ผู้นำใจดี” เผลอทำผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว และข้อผิดพลาดเหล่านั้นดันส่งผลเสียต่อทีมงานและวัฒนธรรมองค์กรโดยรวมได้ บทความนี้ ผมจะพาไปสำรวจ
หนึ่งในความท้าทายของความเป็นผู้นำคือ การรู้ว่าเมื่อใดควรพูดคำว่า “ไม่” กับทีมงาน เพื่อให้ทุกคนมุ่งโฟกัสสิ่งที่สำคัญจริง ๆ มากกว่า… ซึ่งการมุ่งความสนใจไปที่สิ่งสำคัญอย่างแท้จริง
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพียงผู้ที่มีวิสัยทัศน์หรือความสามารถในการสั่งการ แต่คือผู้ที่สามารถสร้างความไว้วางใจ ดึงศักยภาพของทีม และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่น “COBRA Leadership Model” ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้นำสามารถปลดล็อกศักยภาพเหล่านี้