“ภาวะหมดไฟในการทำงาน” หรือ Burnout ไม่ใช่แค่คำฮิตอีกต่อไป แต่กลายเป็นปัญหาเรื้อรังในที่ทำงานอย่างแท้จริง จากข้อมูลของ Gallup พบว่า
Category: Culture
ในยุคที่การเติบโตขององค์กรไม่ได้วัดแค่ตัวเลขทางธุรกิจ แต่ยังรวมถึงความผูกพันของพนักงานและความแข็งแกร่งของวัฒนธรรมองค์กร “ค่านิยมหลัก” กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ ค่านิยมเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรูบนโปสเตอร์หรือฝาผนัง แต่คือแนวทางที่สะท้อนตัวตนขององค์กร และพฤติกรรมที่คาดหวังจากทุกคนในทีม “ค่านิยมหลัก”
วัฒนธรรมองค์กร หรือ organizational culture ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่ ๆ แต่คือหัวใจของอัตลักษณ์ขององค์กร (corporate
พฤติกรรมหนึ่งๆ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยลำพัง แต่มันสะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กรในระดับลึก นี่คือ 5 สาเหตุเบื้องหลังพฤติกรรม "ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน"
วัฒนธรรมองค์กรที่ดีคือรากฐานของการทำงานอย่างมีความสุข การทำงานเป็นทีม และความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจ แต่ถ้าไม่ใส่ใจดูแลอย่างจริงจัง สภาพแวดล้อมในที่ทำงานอาจค่อย ๆ กลายเป็นพิษ ซึ่งจะทำลายขวัญกำลังใจของพนักงาน
Work-Life Fluidity หรือ “ความลื่นไหลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว” เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเป็นแนวคิดที่ก้าวข้ามจากรูปแบบเดิมของ Work-Life Balance
คนทำงานรุ่นใหม่ทั่วโลกกำลังปฏิเสธแนวคิดเดิมๆ เกี่ยวกับความสำเร็จในชีวิต และต่อต้านวัฒนธรรมการทำงานที่กดดันแบบไม่หยุดพัก
วัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่เป็นพิษบางประการในสภาพแวดล้อมการทำงานได้แทรกซึมเข้าสู่วิถีปฏิบัติอันเป็นปกติ ซึ่งบั่นทอนบรรยากาศการทำงานที่ดี นำไปสู่ความไม่พึงพอใจที่สั่งสมและอัตราการลาออกที่พุ่งสูงขึ้น องค์กรที่เพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ย่อมต้องเผชิญกับภาวะหมดไฟของบุคลากร
ความเข้าใจผิดอันดับที่ 1 เกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรมองค์กร คือ “วัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ – มันจะดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่โชคชะตา”