คำถามที่น่าสนใจคือ Onboarding Program หรือโปรแกรมการต้อนรับและเตรียมความพร้อมพนักงานใหม่สำคัญอย่างไร? ผลการสำรวจของ The Harris Poll พบว่า 93% ของนายจ้าง ยอมรับว่าประสบการณ์ที่ดีระหว่าง Onboarding มีผลต่อการตัดสินใจในการอยู่ต่อของพนักงานใหม่ ในขณะที่ 29% ของพนักงานใหม่เห็นว่าองค์กรยังเตรียมการ Onboarding ได้ไม่ดีเท่าที่ควร และ 1 ใน 10 ต้องบอกลาไปหลังจากประสบการณ์ Onboarding ที่ได้รับไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง
ทุกวันนี้ไม่เพียงแค่องค์กรที่ต้องการคนเก่ง ๆ ที่เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กร แต่คนเก่งก็มีทางเลือกในการมองหาองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับคุณค่าส่วนตัวของพวกเขาเพื่อให้มั่นใจว่าคุณค่าความสามารถที่พวกเขามีจะช่วยสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้และสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ทำให้หลาย ๆ องค์กรหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบ Onboarding Program เพื่อสร้างประสบการณ์ของพนักงานใหม่ให้เกิด impact มากที่สุด
:: ตัวอย่างองค์กรที่มี Onboarding Program ที่โดดเด่นและเห็นถึงผลลัพธ์ ::
✅ NETFLIX: A Culture and Leadership-Driven Onboarding Program
NETFLIX มุ่งเน้นความสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร และการผลักดันความเป็นผู้นำ
- พบปะพูดคุยแบบไม่เป็นทางการกับผู้บริหาร
- ให้ความรู้เกี่ยวกับกลุ่มเทคโนโลยีของ Netflix แนะนำเพื่อนร่วมงานที่เกี่ยวข้อง ให้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมของ Netflix และทำให้ประสบการณ์ในการเป็นพนักงานใหม่นั้นง่ายและน่าตื่นเต้นขึ้นไปอีก
- ให้โอกาสในการเข้าร่วมโปรเจคที่สำคัญ ให้พนักงานใหม่รู้สึกถึงการมีส่วนร่วมและสร้างคุณค่าในงานตั้งแต่วันที่เริ่มต้น ..
✅ Zappos- The Importance of Company Culture
Onboarding Program ของ Zappos มีระยะเวลา 4 สัปดาห์ โดยมุ่งเน้นการสื่อสารเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรเป็นหลัก
- พนักงานใหม่ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง หรือแผนกใดจะได้เข้าร่วม Onboarding Program เดียวกันทุกคน
- เรียนรู้เกี่ยวกับ Best Practice เรื่องการบริการลูกค้าที่เป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของ Zappos รวมถึงCore Values หรือค่านิยม 10 ประการ
- เพราะ Zappos เชื่อและต้องการปกป้องวัฒนธรรมองค์กรอย่างดีที่สุด หลังจาก Onboarding Program แล้วหากพนักงานใหม่พบว่า Zappos ไม่เหมาะที่จะทำงานด้วย พวกเขาจะได้รับเงิน 2,000 เหรียญให้ออกจากงาน เพื่อให้มั่นใจว่าได้พนักงานที่ใช่จริง ๆ..
✅ Twitter: Yes-to-Desk
Yes-to-Desk ของ Twitter หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่พนักงานใหม่ตอบรับเข้าทำงานจนถึงนาทีที่เข้ามานั่งที่โต๊ะทำงาน ระหว่างช่วงเวลานั้นจะมีกระบวนการตั้งแต่ส่งมอบจาก HR ไปจนถึงแผนกหรือบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึง 75 ขั้นตอนด้วยกัน
- หลังจากตอบรับเข้าทำงานพนักงานใหม่จะได้รับ email address, เสื้อยืด, ไวน์ 1 ขวด, ระบุโต๊ะทำงานใกล้กับผู้ที่จะร่วมงานด้วย รวมถึงการแจ้งรายละเอียดสำหรับวันแรกในการทำงาน
- ในวันแรก หลังจากทานอาหารเช้ากับ CEO จะเป็น Office Tour เพื่อทำความรู้จักกับสถานที่ทำงานทั้งหมด ต่อด้วยอาหารกลางวันกับทีมที่ร่วมงานด้วย และช่วงบ่ายเป็นการแนะนำเกี่ยวกับประวัติขององค์กร ระบบ เครื่องมือที่จำเป็น และการ update โครงการที่มีอยู่เวลานั้น ๆ
- Onboarding Program มีระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ร่วมด้วย Happy Hour กับ Senior Leadership Team และการนำเสนอโปรเจคจากหลากหลายทีม 30 นาที ทุก ๆ วันศุกร์ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 สัปดาห์ เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานใหม่เรียนรู้จากทีมอื่น ๆ ..
✅ Buffer- The ‘Three-Buddy’ System Onboarding Program
ถือเป็นความท้าทายสำหรับ Remote Work หรือองค์กรที่ต้องทำงานระยะไกล Buffer สร้าง Onboarding Program ที่ค่อนข้างตอบโจทย์ด้วย The ‘Three-Buddy’ System
- Onboarding Program ของ Buffer เป็น Bootcamp ระยะเวลา 6 สัปดาห์
- ระหว่าง Bootcamp พนักงานใหม่จะมี Buddy 3 คนได้แก่ The Leader Buddy คือผู้ที่จะช่วยแนะนำเกี่ยวกับเรื่องคุณค่าของพนักงานใหม่ที่สอดคล้องกับค่านิยมของ Buffer และมีบทบาทสำคัญที่จะบอกว่าท้ายที่สุดแล้วพนักงาน Fit กับวัฒนธรรมองค์กรจริงหรือไม่, The Role Buddy จะช่วยแนะนำเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และข้อมูลสนับสนุนอื่น ๆ ที่จะช่วยพนักงานใหม่ในการทำงาน และผลักดันให้คิดถึงสิ่งที่แต่ละคนจะเพิ่มคุณค่าในงานได้ภายในเวลา 6 สัปดาห์, The Culture Buddy คอยให้ Feedback ทั้งในเชิงบวกและเชิงพัฒนาเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันเป็นทีมแบบ Culture Fit
- มี one-on-one Chat กับ Team Leader หรือ CEO เพื่อประเมินความคืบหน้า ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ผู้อ่านสามารถศึกษาตัวอย่าง Buddy Program Playbook
:: ออกแบบ Onboarding Program อย่างไรให้ปัง!? ::
จากตัวอย่าง Onboarding เจ๋ง ๆ ที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าไม่มีรูปแบบที่เป็น one size fit all แต่ละองค์กรจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งน่าสังเกตก็คือองค์กรเหล่านี้มีวิธีคิดในการออกแบบ Onboarding ที่คล้ายกัน 5 ประการดังนี้..
📌 1. ลงทุนในเรื่อง Onboarding Program (Make the Investment)
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่องค์กรเหล่านี้ลงทุนทั้งในด้านเวลา และงบประมาณในการสร้างกระบวนการ Onboarding เพราะพวกเขาเข้าใจว่าความสำเร็จขององค์กรขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ..
📌 2. วางแผนโครงสร้างเป็นอย่างดี (Well Structured)
มีการวางแผนในทุกขั้นตอนมาเป็นอย่างดี เพื่อให้พนักงานใหม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการเรียนรู้ พัฒนา เพื่อสนับสนุนให้พวกเขาสามารถปรับตัวเพื่อประสิทธิผลในงาน และประสบความสำเร็จในบทบาทใหม่..
📌 3. ให้สิทธิ์ในการเข้าถึง (Promote Accessibility)
แนะนำพนักงานใหม่ในการเข้าถึงสถานที่ เครื่องมือ ข้อมูล และทรัพยากรอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ และส่งเสริมความสามารถในการปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตในการทำงานของพนักงาน..
📌 4. สร้างความร่วมมือจากภายใน (Strive to Build Internal Bonds)
การ Onboarding จะประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เป็นเพียงหน้าที่ของ HR เท่านั้น แต่มาจากการให้ความสำคัญ การมีส่วนร่วม และการกระจายบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนของทุก ๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน จนไปถึงผู้บริหาร..
📌 5. สื่อสารวัฒนธรรมองค์กร (Communicate their Culture)
เริ่มปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรให้กับพนักงานตั้งแต่กระบวนการ Onboarding สำหรับพนักงานใหม่ เพื่อให้พนักงานเข้าใจในค่านิยมขององค์กร รู้สึกถึงการได้รับการต้อนรับ และเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรตั้งวันแรกของการเริ่มเข้าทำงาน..
การได้มาซึ่งคนที่ใช่ มีผลงานที่ดี มีทีมที่แข็งแกร่ง และบรรยากาศการทำงานที่ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร จึงไม่มีคำว่ามากเกินไปสำหรับการออกแบบ Onboarding Program ทีดี…
สำหรับผู้ที่สนใจอยากพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรด้วยรูปแบบ 4Cs : Crack, Create, Catalyze and Cultivate สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Our Service
A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
corporateculture
culture

.
.
>>>
ที่มา
https://hrexecutive.com/the-increasing-importance-of-onboarding/
https://hubworks.com/blog/five-companies-with-a-unique-onboarding-process-and-what-makes-them-successful.html
https://www.saplinghr.com/top-employee-onboarding-programs