2025 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โมเดลการทำงานแบบไฮบริด ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI และมุมมองใหม่เกี่ยวกับ well-being และความผูกพันในการทำงานของพนักงาน
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ “วัฒนธรรมองค์กร” จะมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง เพราะปัจจุบันคนทำงานไม่ได้มองหาแค่เงินเดือน แต่ต้องการงานที่มีความหมาย โครงสร้างที่ยืดหยุ่น โอกาสพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ องค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวได้ อาจเผชิญกับปัญหาพนักงานลาออก ความไม่ผูกพันกับองค์กร และการเติบโตที่ชะลอตัว
การกลับมาโฟกัสที่สารตั้งต้นอย่าง “วัฒนธรรมองค์กร” กลายเป็นสิ่งจำเป็นในปี 2025 และนี่คือ 6 เหตุผลสำคัญ
1) Employee Engagement คือข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
ปัญหาการขาดความผูกพันกับองค์กรและ “การลาออกเงียบ” (Quiet Quitting) ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อประสิทธิภาพการทำงานในหลายอุตสาหกรรม องค์กรที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมจะเน้นสร้างความผูกพันผ่านการยอมรับในผลงานของพนักงาน การให้ฟีดแบ็กอย่างสม่ำเสมอ และสวัสดิการที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงาน เมื่อพนักงานรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการยอมรับ องค์กรเหล่านี้จะสามารถก้าวนำองค์กรที่มองข้ามปัญหานี้ไปได้
2) ความยืดหยุ่นและ Work-Life Balance
ในยุคที่ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ตารางงานที่ยืดหยุ่นและระบบการทำงานแบบไฮบริดกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถสูง พนักงานต้องการสถานที่ทำงานที่ให้ความเคารพต่อเวลาส่วนตัวและชีวิตส่วนตัวของพวกเขา องค์กรที่ฝังแนวคิดความยืดหยุ่นไว้ในวัฒนธรรมของตนเองจะเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น ทำให้พนักงานมีความภักดีต่อองค์กรและลดอัตราการลาออก
3. ความปลอดภัยทางจิตใจและความเท่าเทียม
นวัตกรรมและการทำงานร่วมกันจะเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ต้องกลัวการตัดสิน องค์กรที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมจะเน้นเรื่องความปลอดภัยทางจิตใจผ่านการส่งเสริมความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม (Diversity, Equity, and Inclusion – DEI) ซึ่งจะทำให้สถานที่ทำงานเป็นพื้นที่ที่พนักงานรู้สึกว่าตัวเองมีค่าและเสียงของพวกเขาถูกรับฟัง ความเท่าเทียมและการเปิดกว้างนี้จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มศักยภาพในการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การผสาน AI บนพื้นฐานของความไว้วางใจ
AI จะยังคงเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานต่อไป แต่ความสำเร็จของมันขึ้นอยู่กับวิธีการนำมาใช้ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรจะใช้ AI อย่างโปร่งใสและสร้างความไว้วางใจให้กับพนักงาน เพื่อให้พวกเขามองว่าเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยเสริม ไม่ใช่ภัยคุกคาม การผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และประสิทธิภาพของ AI จะช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความเชื่อมั่น
5. การพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง
เมื่อ AI เข้ามาช่วยทำงานที่เป็นกิจวัตร พนักงานจำเป็นต้องพัฒนาทักษะใหม่อยู่เสมอเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง องค์กรที่ลงทุนในโปรแกรมพัฒนาพนักงานอย่างเหมาะสมจะสามารถรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพและเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานในอนาคต องค์กรที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมจะเน้นการเติบโตของพนักงานแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจในงานและลดอัตราการลาออก
6. การดูแลพนักงานแบบองค์รวม
สุขภาพจิต การฝึกสติ และความเป็นอยู่ที่ดีทางร่างกาย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในปี 2025 องค์กรที่ลงทุนในโครงการดูแลสุขภาพ เช่น การให้คำปรึกษาทางจิตใจ โปรแกรมทำสมาธิ หรือสวัสดิการด้านสุขภาพ จะเห็นผลลัพธ์ในรูปแบบของขวัญกำลังใจที่ดีขึ้น อัตราการลาป่วยที่ลดลง และประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น พนักงานจะยังคงภักดีต่อองค์กรที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแท้จริง
ข้อได้เปรียบขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมในปี 2025
ด้วยการปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มเหล่านี้ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ความสามารถในการสร้างความผูกพันของพนักงาน สนับสนุนสมดุลชีวิต-การทำงาน ส่งเสริมความปลอดภัยทางจิตใจและความเท่าเทียม และนำ AI มาใช้อย่างมีความรับผิดชอบ จะช่วยให้พวกเขาดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพสูงและขับเคลื่อนนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อความคาดหวังของพนักงานพัฒนาไป องค์กรเหล่านี้จะกลายเป็นมาตรฐานของความสำเร็จในระยะยาว
A Cup of Culture
────
วัฒนธรรมองค์กร
corporateculture
organizationalculture
.
.

What culture first company will thrive in 2025. Retrieved from: https://www.perplexity.ai/search/what-culture-first-company-wil-r9Yeow.MTPym_2g9uIFHCg
