Check-in ทีมงาน ช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้

การ Check-in ในที่นี้หมายการกันพื้นที่และเวลาให้พนักงานในทีม สำหรับการพูดคุย อัพเดทชีวิตและงานจากมุมมองของคน ๆ นั้น รวมถึงการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ต่อกัน ซึ่งการ “Check-in” นั้นมีหลากหลายรูปแบบและเป้าประสงค์ รูปแบบที่เป็นที่นิยมคือการทำ Check-in ระดับทีม รายสัปดาห์ หรือ เดือน ตามแต่ขนาดของทีมและลักษณะวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเพื่อติดตามการดำเนินงานกับคนภายในทีม⁣⁣
⁣⁣
แต่ก็มีอีกหลายองค์กร ที่ผู้บริหารหรือผู้จัดการแทบจะไม่เคยคุยอัพเดทโดยตรงกับพนักงานเลย โดยมองว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น หรือ มีเวลาไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดีในเชิงจิตวิทยา การ Check-in นั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยประโยชน์ที่จะได้รับนั้น มีตัวอย่างดังนี้⁣⁣
⁣⁣
⁣⁣
📌 1. การตรวจสอบงานกับเป้าหมายในการทำงาน⁣⁣
⁣⁣
การ check-in กับพนักงานสำคัญ เพราะว่าเราจะมีพื้นที่ในการสำรวจการทำงานตามเป้าหมายขององค์กร และเป็นการสร้างพื้นที่ให้กับหัวหน้าได้รับรู้ว่าลูกน้องกำลังต้องการอะไร คาดหวังอะไร รวมไปถึงการสืบสาวสาเหตุของวิธีการคิด หรือที่มาของประเด็นต่าง ๆ เพื่อที่จะแก้ไขให้กลับมาตรงตามเป้าหมายขององค์กร⁣⁣
⁣⁣
⁣⁣
📌 2. ป้องกันการสื่อสารที่ผิดพลาด⁣⁣
⁣⁣
ความเข้าใจผิดในทิศทางการดำเนินงานนั้น เกิดขึ้นง่ายมาก โดยเฉพาะในยุคที่เราทำงานผ่าน digital platform เป็นหลัก ทำให้การสื่อสารเรื่องเนื้องานนั้นต้องมีความรัดกุม เข้มข้นขึ้น เราจึงควรมีการตรวจสอบความเข้าใจของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ว่าพนักงานเข้าใจ และดำเนินงานในทิศทางที่ตรงกัน หากไม่มีการ check-in โดยให้พนักงานได้เล่าในสิ่งที่ตนเองทำ ก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดการสื่อสารทางเดียวที่ผู้รับสารก็ทำงานในแบบที่ตีความผิดๆ ไป ทำให้เกิดการเสียเวลา และการแก้ไขที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้นได้⁣⁣
⁣⁣
⁣⁣
📌 3. เพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน⁣⁣
⁣⁣
หนังสือเรื่อง Culture Code ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “การสร้างความเชื่อมโยงทางสังคม” หรือ Social Conection ซึ่งมีบทบาทสูงอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการทำงาน พนักงานที่รู้สึกว่า “เป็นส่วนหนึ่งของทีม” จะมีโอกาสในการลาออกที่น้อยลง สามารถทำงานที่ท้าทายด้วยความเครียดที่น้อยกว่าพนักงานที่รู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว และยังสามารถวางใจให้ feedback กันได้โดยไม่ได้พึงเกลียดพึงชังต่อกัน มากกว่าที่ที่มีการสื่อสารกันน้อยอีกด้วย ซึ่งการมี Check-in บ่อยๆ นี้ ก็จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการรับฟัง หรือ ได้รู้สึกถึงการมีตัวตน มีพื้นที่ของตัวเองภายในทีม และอาจนำมาซึ่งผลเชิงบวกดังที่กล่าวมานี้⁣⁣
⁣⁣
⁣⁣
📌 4. ลดความรู้สึกกดดันในช่วงการประเมิน⁣⁣
⁣⁣
การ Check-in บ่อยๆ จะช่วยลดความกดดันในช่วงที่ต้องมี performance reviews เพราะว่าเราสามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการให้ feedback ทันทีที่มีการ update หน้างาน หรือ สามารถนัดคุยเพิ่มเติมเมื่อเห็นความกังวลใจ หรือ ประเด็นปัญหาที่พนักงานมีในขณะที่ check-in ได้ โดยหากว่าเราทิ้งช่วงการสื่อสารเพื่อการปรับปรุงหรือพัฒนานานเกินไป ความคาดหวังที่พนักงานมีต่อตนเอง และภาพที่มองต่อผลงานก็อาจห่างจากความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การมี check-in ที่มาพร้อมการให้ feedback อย่างสม่ำเสมอและเป็นกันเอง จะช่วยสร้างคุ้นชินกับการให้และรับ feedback จนเกิดเป็นความคุ้นชินในทางที่ดีได้ อีกทั้ง เมื่อถึงช่วงประเมิน ความเครียดที่จะมากับผลนั้นก็จะลดลงไปด้วย เนื่องจากได้มีการประเมินอย่างไม่เป็นทางการอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว⁣⁣
⁣⁣
⁣⁣
📌 5. สร้างแรงจูงใจในการทำงาน⁣⁣
⁣⁣
เมื่อพนักงานรู้ว่าจะได้เจอกัน พูดคุย update กันรายสัปดาห์ หรือ รายเดือน พนักงานจะมีแรงจูงใจในการทำงานของตนให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้มีการ update กันเป็นปกติ เนื่องจากว่าโดยทั่วไปแล้ว คนเราต้องการการชื่นชม และต้องการดูดีในสายตาผู้อื่น การ check-in จะเป็นเหมือนกิจกรรมทางสังคมกลาย ๆ ที่ต้องมีการเตรียมตัวเพื่อให้การพูดคุยในแต่ละครั้งตนเองไม่ดูแย่ และหากในกรณีที่มีพนักงานที่ทำงานได้ดี การชื่นชมและพูดเชื่อมโยงกับทิศทางขององค์กร⁣⁣
นั้นยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะให้ความรู้สึกว่า “เขาเป็นส่วนสำคัญขององค์กร” อีกด้วย และยังเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานหนักขึ้นอีกด้วย ⁣⁣
⁣⁣
=======⁣⁣
⁣⁣
ในบริษัท BrighSide People เอง ก็ใช้การ Check-in รายสัปดาห์ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นองค์กรที่ทำงานแบบ online 100% และมี gig model ในการทำงานเป็นหลักก็ตาม แต่เราก็ให้ความสำคัญของการสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานมาก โดยจะมีประชุม Check-in ที่เราเรียกกันว่า “Homeroom” สัปดาห์ละ 1 ชม. ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน⁣⁣
⁣⁣
ส่วนแรก คือ การถามคำถามเพื่อรู้จักกันมากขึ้น แชร์ประสบการณ์ชีวิต รวมถึงสภาวะในปัจจุบัน ผ่านคำถามที่เวียนกันตั้ง ทั้งจากพนักงานและผู้บริหาร เช่น “หากให้เลือกของมา 1 สิ่ง ที่สะท้อนภาพรวมในชีวิตช่วงนี้ได้ดีที่สุด ของสิ่งนั้นคืออะไร และชีวิตเป็นอย่างไร เล่าให้ฟังหน่อย” “หากสามารถย้อนอดีตกลับไปได้ อยากย้อนไปช่วงเวลาไหน ทำอะไร” ฯลฯ⁣⁣
⁣⁣
และส่วนที่ 2 คือการอัพเดทในรายละเอียดของงานที่ทำของแต่ละคน ถึงแม้ว่าจะทำงานกันคนละส่วน ถือกันคนละ project ตาม Gig-model style เราก็ได้ learning หรือ ได้สะท้อนข้อคิดจากการทำงานของอีกคน และเป็นการช่วยให้เรามีสัมพันธภาพระหว่างคนทำงานด้วย⁣⁣
⁣⁣
นอกจากนี้ หากมีประเด็นเพิ่มเติมที่พนักงานต้องการความคิดเห็น ก็สามารถระบุใน Homeroom ได้ เพื่อหาเพื่อนร่วมทาง มานัดหมายในการพูดคุยลงลึกในหัวข้อนั้นๆ ต่อไป เป็นการช่วยเหลือกันข้าม project อีกด้วย รวมไปถึงว่า หากทีมไหนถือชุดคุณค่าคล้ายกัน ต้องการ reflection เพิ่มเติมก็สามารถนัด Check-in กันของของทีมเพื่อเป็นการให้พื้นที่ได้ทบทวนการเรียนรู้ของตน หรือ ให้ feedback กันและกันตามเนื้องานของแต่ละ project ถือว่าเป็น practice ที่ดีมากๆ เลย จากทัศนะของผู้เขียนที่ได้เข้าร่วมการ Check-in ทั้งระดับองค์กรและระดับ Project มานาน⁣⁣
⁣⁣
ทั้งนี้ เราก็อยากให้ทุกท่านได้ลอง นำการ Check-in ไปใช้กับพื้นที่การทำงานของทุกท่านดูบ้าง เผื่อจะได้รับผลประโยชน์ข้างต้นที่ผู้เขียนได้กล่าวมา⁣⁣
⁣⁣
⁣⁣
A Cup of Culture⁣⁣
———–⁣⁣
วัฒนธรรมองค์กร⁣⁣
Corporate culture⁣⁣
Organizational culture⁣⁣
⁣⁣.
.

Resources:
Create a Culture that Values Team Accomplishments More Than Individual Successes – SPONSOR CONTENT FROM VITUITY. (2022, May 18). Harvard Business Review. https://hbr.org/sponsored/2022/05/create-a-culture-that-values-team-accomplishments-more-than-individual-successes
 
Greathead, R. (2022). The Importance of Regular Check-Ins With Employees. Tanachaporn Putiyanun. https://thriveglobal.com/stories/the-importance-of-regular-check-ins-with-employees/
Share to
Related Posts:
Search

ORG Culture Canvas full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

Search