Work to live กับ live to work เราทำงานเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตหรือถวายทั้งชีวิตให้กับการทำงาน เชื่อเหลือเกินว่าน้อยคนนักที่จะเป็นอย่างหลัง แม้งานนั้นจะเป็นงานในฝัน ทำให้เรามีความสุขในทุกวินาทีที่ได้ทำงานก็ตาม แต่จะมีความหมายอะไรหากใช้ชีวิตเพียงมิติเดียวโดยไม่อุทิศเวลาให้กับครอบครัว เพื่อน ๆ หรืองานอดิเรกอื่น ๆ บ้างเลย
กระนั้น พวกเราหลาย ๆ คนก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักด้วยความหวังว่านี่จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว แต่บทความล่าสุดจาก Harvard Business Review (HBR) กลับไม่เชื่อเช่นนั้น โดยผู้เขียนคุณ Alice Boyes นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือ The Healthy Mind Toolkit และ Stress-Free Productivity ได้ให้แนวทางเอาไว้ 5 ข้อ เพื่อเป็นพลังต้านค่านิยมผิด ๆ อย่างการ live to work หรือถวายหัวเพื่อการทำงาน ดังนี้ครับ
:::::::::::::::
🔷 1) ทำความเข้าใจกับคำว่า “ทุ่มสุดตัวไม่ใช่เครื่องการันตีความสำเร็จ”
ลองมองไปรอบ ๆ ในออฟฟิศ ในที่ทำงาน แล้วตอบคำถามกับตนเองว่านี่คือสภาพแวดล้อมที่ให้คุณค่ากับการทำงานหนักหรือไม่ หากคำตอบคือใช่ ก็มีแนวโน้มสูงว่าเราเองก็อาจยึดถือความเชื่อเดียวกัน เพราะแรงกดดันทางสังคมมักแปรเปลี่ยนมาเป็นความกดดันในใจของเราเองเสมอ ว่าถ้าหากทำได้ไม่เท่าคนอื่น เราก็จะตามหลังจนไม่เห็นฝุ่นในที่สุด ซึ่งก็จะทำให้เราโฟกัสผิดจุดในที่สุด คือแทนที่จะมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน หรือรู้จักหาวิธีทำงานให้ฉลาดขึ้น (work smart) เรากลับตะบี้ตะบันทำงานเยอะเข้าว่า หนักเข้าว่า ซึ่งแท้จริงแล้วอาจไม่จำเป็นต้องลงแรงอะไรขนาดนั้นก็ได้ (work hard)
🔶 2) มองหาคุณค่าที่เรายึดถือให้เจอ
กรณีศึกษาจากตัวคุณ Alice เอง เธอเชื่อว่าประสิทธิภาพคือสิ่งที่เธอยึดถือเป็นสำคัญ ดังนั้น แทนที่เธอจะเดินสายไปเป็นแขกรับเชิญใน podcast สัก 100 รายการ เธอขอคัดเน้น ๆ สัก 20 รายการที่มีประสิทธิภาพและสามารถกระตุ้นยอดขายหนังสือของเธอได้จริง คือ ทำน้อย ๆ ได้มาก ๆ
กลับมาที่ตัวเราเอง เราอาจต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าเรายึดถือคุณค่าอะไรในการดำเนินชีวิต และโฟกัสไปที่การเลือกทำงานที่สอดคล้องและส่งเสริมคุณค่านั้นให้เด่นชัดขึ้น และไม่แน่ว่าวิธีนี้อาจนำพาเราไปสู่ความสำเร็จได้เร็วกว่าการทำมันทุกอย่างโดยไม่สะท้อนตัวตนเราแม้แต่นิดเดียวเลยก็เป็นได้
🔷 3) ออกแบบความก้าวหน้าดั่งงาน craft
ให้เปรียบว่าอาชีพของเรา สิ่งที่เราทำอยู่เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ต้องการความพิถีพิถันในการเฝ้าติดตามและเสริมเติมแต่งเพื่อให้เจริญงอกงาม ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งอาจมองว่าการทำงานหนักเท่านั้นที่จะนำพาพวกเขาไปสู่ความก้าวหน้า เราอาจเลือกทำสิ่งที่แตกต่างได้โดยมองว่ามีมิติอื่น ๆ ใดบ้างที่ส่งเสริมความก้าวหน้าให้กับเราได้เช่นเดียวกัน เช่น การอุทิศเวลาให้กับการพัฒนาทักษะเฉพาะทาง การรับฟัง feedback จากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือลูกน้อง เป็นต้น พิจารณานำมิติเหล่านี้มาปรับใช้และหาสมดุลให้เหมาะสมกับตนเอง
🔶 4) มองหาบุคคลต้นแบบ
วิธีที่ดีที่สุดที่จะปฏิเสธค่านิยมการทำงานหนักอย่างไม่หวั่นไหวก็คือการมองหาบุคคลแบบอย่าง ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในระดับพอ ๆ กับที่เราตั้งใจไว้ โดยไม่จำเป็นต้องทำงานอย่างบ้าคลั่ง มีทั้งเวลาให้กับครอบครัวและเวลาพักผ่อน โดยหากเป็นคนมีชื่อเสียงก็พอได้ แต่จะดีที่สุดคือเป็นคนรอบตัวที่เรารู้จัก ลองเข้าไปพูดคุยเพื่อศึกษาวิธีคิดและหาแนวทางที่สามารถนำมาปรับใช้กับตัวเราเองดูได้ แต่สามารถพูดไว้ก่อนได้เลยว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นคน work smart
🔷 5) ปฏิเสธคำขอของคนอื่นบ้าง
หลักจิตวิทยาพื้นฐานขั้นสุด คือ เมื่อพฤติกรรมใด ๆ ถูกกระทำซ้ำ ๆ มันจะเกิดขึ้นอีกด้วยอัตราความถี่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น หากเพื่อนร่วมงานส่งไลน์หาเราในช่วงพลบค่ำแล้วเราก็ตอบข้อความนั้น ข้อความก็จะถูกส่งมามากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลังเลิกงาน และกลายมาเป็นชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้นในที่สุด การสร้างขอบเขตให้ชัดเจนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และหากการไม่ให้เกียรติกับเวลาส่วนตัวของคนอื่น หรือคำขอให้ช่วยเหลือในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องโดยไม่จำเป็นเช่นนี้ยังคงดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง ก็อาจถึงเวลาที่เราต้องพิจารณานำพาตนเองไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนกอื่น หรือกระทั่งองค์กรอื่นที่มีค่านิยมสอดคล้องกับตัวเรา เพราะการแก้ไข toxic workplace จากระดับฐานรากไม่ใช่หน้าที่ของเรา
:::::::::::::::::::
สุดท้ายนี้ เราทุกคนอาจพบกับสิ่งเร้าทั้งจากภายในจิตใจตนเองและจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่ผลักดันการทำงานหนักเข้าว่า แต่หากเรากำลังพูดถึงความสำเร็จในอาชีพ การทำงานหนักนั้นถือเป็นศัตรูมากกว่ามิตร และเพื่อผลักภัยร้ายนี้ออกไป เราอาจเริ่มลองนำกลยุทธ์ทั้งห้ามาปรับใช้ตั้งแต่วันนี้
สนใจเนื้อหาเพิ่มเติม คลิ๊กอ่านบทความแนะนำ “อย่าให้ค่านิยมขึ้นหิ้ง! 3 วิธีสื่อสารค่านิยมองค์กรให้เป็นวัฒนธรรม”
สำหรับผู้ที่สนใจอยากพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรด้วยรูปแบบ 4Cs : Crack, Create, Catalyze and Cultivate สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Our Service
A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
Corporate culture
Organizational culture
.
.

https://hbr.org/2022/05/resisting-the-pressure-to-overwork?ab=hero-main-text
