การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีปัจจัยหลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยในระดับเคมีชีวภาพของสมอง ซึ่งฮอร์โมนและสารสื่อประสาทต่างๆ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการควบคุมและส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของมนุษย์ชนิดที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยตระหนักถึง
โดยเฉพาะฮอร์โมนโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทหลักในการเสริมแรงและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และในบทความนี้เราจะพาคุณไปล้วงความลับของการใช้โดปามีนเพื่อเสริมแรงการเรียนรู้
โดปามีนเป็นหนึ่งในสารสื่อประสาทที่สำคัญที่สุดในสมองของมนุษย์ มีบทบาทหลักในการควบคุมระบบรางวัลและแรงจูงใจ เมื่อสมองตรวจพบสิ่งเร้าหรือประสบการณ์ที่น่าสนใจหรือมีคุณค่าจะเกิดกระบวนการหลั่งโดปามีนออกมา ซึ่งจะส่งผลให้รู้สึกพึงพอใจและมีแรงจูงใจที่จะแสวงหาประสบการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ด้วยกระบวนการนี้ โดปามีนจึงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างการกระทำและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
⋯⋯⋯
ในบริบทของการฝึกอบรม เมื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมประสบความสำเร็จหรือได้รับการชมเชยจากการฝึกปฏิบัติหรือการแสดงทักษะใหม่ สมองจะหลั่งโดปามีนออกมา ซึ่งจะเสริมแรงให้พฤติกรรมนั้นหรือทักษะนั้นฝังรากลึกลงในสมอง ทำให้มีแนวโน้มที่เขาจะแสดงพฤติกรรมนั้นซ้ำอีกในอนาคต
นอกจากนี้ โดปามีนยังช่วยกระตุ้นให้สมองมีความตั้งใจและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การทำความเข้าใจบทบาทของโดปามีนในการเสริมแรงการเรียนรู้นี้ นำไปสู่แนวคิดในการออกแบบกิจกรรมการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพ โดยการสร้างโอกาสให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้รับประสบการณ์ความสำเร็จและการชมเชยอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการหลั่ง โดปามีนและเสริมแรงให้พฤติกรรมนั้นหรือทักษะนั้นคงอยู่ในระยะยาว
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการศึกษาวิจัยทางด้านประสาทวิทยาสนับสนุนบทบาทของโดปามีนในการเรียนรู้ เช่น
การศึกษาของ Wolfram Schultz และคณะจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ พบว่าเซลล์ประสาทในสมองส่วน Midbrain มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่คาดหวังว่าจะได้รับรางวัลด้วยการหลั่งโดปามีนออกมา และการตอบสนองนี้จะลดลงเมื่อไม่ได้รับรางวัลตามที่คาดหวัง แสดงให้เห็นถึงบทบาทของโดปามีนในการเชื่อมโยงระหว่างการกระทำและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาของ John O’Doherty และคณะจากมหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ พบว่าโดปามีนมีความสัมพันธ์กับการเรียนรู้ที่อาศัยการลองผิดลองถูก (Trial and Error Learning) โดยเซลล์ประสาทที่หลั่งโดปามีนจะมีการตอบสนองมากขึ้นเมื่อผู้เรียนได้รับผลตอบแทนที่ ‘ไม่คาดคิดมาก่อน’ ซึ่งบ่งชี้ว่าโดปามีนมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนความคาดหวังและการเรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี
⋯⋯⋯
จากความรู้ความเข้าใจเรื่องการทำงานของสมองและโดปามีน เราสามารถนำความรู้เหล่านี้มาช่วยออกแบบและจัดการฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยวิธีการต่อไปนี้
🟥 1. สร้างโอกาสให้ผู้เข้าอบรมประสบความสำเร็จในระดับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เมื่อผู้เข้าอบรมสามารถปฏิบัติภารกิจหรือแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ จะเกิดการหลั่งโดปามีนซึ่งจะเสริมแรงการเรียนรู้ให้แข็งแรงมากขึ้น ฉะนั้นควรออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความท้าทายในระดับที่เหมาะสม แบ่งเป็นขั้นตอนย่อยๆ ที่ผู้เรียนสามารถประสบความสำเร็จได้ตามลำดับ พร้อมให้รางวัลหรือคำชมเชยหลังจากผู้เข้าอบรมผ่านแต่ละขั้นตอนไปได้
🟥 2. สร้างบรรยากาศที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อสมองตรวจพบสิ่งเร้าหรือสถานการณ์ที่น่าสนใจ สมองจะหลั่งโดปามีนเพื่อกระตุ้นให้อยากค้นหาและเรียนรู้เพิ่มเติม เราจึงควรออกแบบกิจกรรมให้มีลักษณะที่ดึงดูดความสนใจ มีลูกเล่นที่โดดเด่น หรือนำเสนอในมุมมองหรือรูปแบบใหม่ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียนให้มากขึ้น
🟥 3. สอดแทรกองค์ประกอบของความท้าทายและปริศนาความลึกลับ
การเผชิญกับความท้าทายหรือปริศนาความลึกลับเป็นสิ่งเร้าที่กระตุ้นให้สมองหลั่งโดปามีนเพื่อที่จะพยายามค้นหาคำตอบหรือคลี่คลายความสงสัย ดังนั้น การสอดแทรกองค์ประกอบของความท้าทายและนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบของปริศนาที่คลุมเครือ จะช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้ผู้เรียนตั้งใจมากขึ้น
🟥 4. ใช้เทคนิค Gamification
การนำกลไกและองค์ประกอบของเกมมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ จะช่วยกระตุ้นระบบรางวัลของสมองผ่านการหลั่งโดปามีนได้เป็นอย่างดี เช่น ระบบการให้คะแนน การมอบเหรียญรางวัล การสร้างระดับขั้น หรือการจัดอันดับคะแนน เทคนิคเหล่านี้จะทำให้ผู้เรียนรู้สึกมีแรงจูงใจและสนุกกับการเรียนรู้มากขึ้นอีกด้วย
โดยสรุป การนำความรู้เรื่องบทบาทของโดปามีนมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและจัดการฝึกอบรม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผู้เข้าอบรมมีแรงจูงใจ ความตั้งใจ และสามารถจดจำเนื้อหาได้อย่างแม่นยำและมีแนวโน้มจะนำไปปรับใช้ในสถานการณ์จริงได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น
===============
A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
CorporateCulture
OrganizationalCulture
ด้วยความรู้ ความเข้าใจ ในด้านประสาทวิทยา และพฤติกรรมมนุษย์ ทำให้ Team Learning Designer ของ Massive Momentum ออกแบบกระบวนการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการสร้าง Momentum ด้วยโมเดลการเรียนรู้เฉพาะตัวของเราที่ชื่อ I AM Model ซึ่งเรามุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาคนของคุณให้สอดคล้องกับ Competency กลยุทธ์ และเป้าหมายองค์กรของคุณ
สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติม:
โทร 064-932-3546
Line Official: @massivemomentum
facebook.com/MassiveMomentumth

