10 ฆาตกรเงียบที่แฝงตัวอยู่ในวัฒนธรรมองค์กร


เราคุ้นเคยกับคำว่า “ฆาตกรเงียบ” ในบริบทของโรคร้ายที่แฝงตัวทำลายร่างกายอย่างเงียบๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในองค์กรก็มีฆาตกรเงียบเช่นกัน?


พวกมันแฝงตัวอยู่ในรูปแบบของ “วัฒนธรรมองค์กร” ที่ก่อตัวขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หากปล่อยปละละเลยโดยขาดการตรวจสอบ สามารถทำลายทั้งบุคลากร ระบบการทำงาน และสภาพแวดล้อมขององค์กรได้อย่างราบคาบ


บทความนี้ A Cup of Culture จะชวนคุณมาร่วมเจาะลึก 10 ฆาตกรเงียบ (Silent Killers) ที่อันตรายที่สุดในวัฒนธรรมองค์กร


10 ฆาตกรเงียบที่แฝงตัวอยู่ในวัฒนธรรมองค์กร


การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนคือรากฐานของความล้มเหลวในองค์กร เปรียบเสมือนการปลูกเมล็ดพันธ์ในดินที่ไม่อุดมสมบูรณ์และคาดหวังว่าจะเติบโตขึ้นมาเป็นสวนที่เขียวชอุ่ม


การสื่อสารในองค์กรประกอบด้วย 1) การสื่อสารภายใน: จากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน และแนวนอน (ระหว่างเพื่อนร่วมงาน) 2) การสื่อสารภายนอก ดังนั้น จะเลือกใช้กระบวนการสื่อสารอย่างใด ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร ความแตกต่างของบุคลากร และความแตกต่างของสาขาวิชาชีพด้วย


เมื่อผู้นำควบคุมดูแลจนเกินพอดี ตรวจสอบทุกรายละเอียด และกำกับทุกขั้นตอน ไม่เพียงสร้างความอึดอัดให้พนักงาน แต่ยังเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม พนักงานจะรู้สึกเหมือนเป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมให้ทำตามคำสั่ง


Micromanagement คือศัตรูตัวฉกาจของวัฒนธรรมนวัตกรรม เพราะนวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในที่ที่ความคิดสร้างสรรค์ถูกควบคุม?


หลายคนเข้าใจผิดว่า “เงินเดือน” คือเหตุผลหลักที่ทำให้พนักงานลาออก แต่การศึกษาของ Oracle NetSuite ชี้ให้เห็นว่า ค่าตอบแทนเป็นเพียงสาเหตุอันดับ 4 เท่านั้น โดยสาเหตุหลักเรียงตามลำดับได้ดังนี้:

  1. ผู้จัดการ
  2. Work-life Balance
  3. โอกาสในการพัฒนาอาชีพ
  4. ค่าตอบแทน


ที่น่าสนใจคือ 94% ของผู้ตอบแบบสำรวจยืนยันว่าจะอยู่กับองค์กรนานขึ้น หากองค์กรมีวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาทักษะ และเปิดโอกาสความก้าวหน้าในสายอาชีพ


การซุบซิบนินทาสร้างความไม่ไว้วางใจระหว่างเพื่อนร่วมงาน เมื่อคนในทีมเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาอาจถูกพูดถึงลับหลัง หรือมีคนอื่นพูดเรื่องของพวกเขาในแง่ลบ จะทำให้เกิดความระแวง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ในทีมไม่แน่นแฟ้นและบั่นทอนความสามารถในการทำงานร่วมกัน


ในวัฒนธรรมการตำหนิและกล่าวโทษ หรือ Blame Culture คำพูดที่เราจะได้ยินบ่อยมากคือ “ใครเป็นคนทำ? หน่วยงานไหน? ชื่ออะไร?” เปรียบเหมือนการยิงขีปนาวุธแบบล็อคเป้าพุ่งตรงไปที่บุคคลนั้นเลย ซึ่งวัฒนธรรมของการตำหนิและกล่าวโทษคือศัตรูตัวสำคัญของความรู้สึกปลอดภัยทางใจในที่ทำงาน (psychological safety)


คำว่า “Burnout” หรือ “หมดไฟ” มักถูกมองว่าเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล แต่การศึกษาล่าสุดพบว่าปัจจัยตัวสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟมาจาก “เงื่อนไขเชิงลบจากระบบการทำงาน” ตัวอย่างเช่น โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งที่ไม่เท่าเทียม การขาดความยืดหยุ่น การรู้สึกไม่มีตัวตนในที่ทำงาน การขาดการสนับสนุนจากหัวหน้า รวมถึงคุณค่าส่วนตนไม่ตรงกับองค์กร…


เมื่อใดก็ตามที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกสั่งสม ก็ง่ายมากที่จะเกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้ “หมดไฟ” หรือ Burnout Culture


องค์กรที่มุ่งเน้นแต่ผลกำไรระยะสั้นจะพลาดโอกาสในการเติบโตระยะยาว เปรียบเหมือนกับการปลูกบ้านที่เจ้าของบ้านละเลยการวางรากฐานของบ้านให้มั่นคงก่อน ที่จะไปสนใจแต่การหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน ดังนั้น การมีเป้าหมายระยะสั้นไม่ใช่สิ่งผิด แต่มันควรมีแผนงานระยะยาวด้วย


บทสัมภาษณ์ของคุณอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “การแข่งขันทางธุรกิจในยุคปัจจุบันนี้ ต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าวิถีผู้บริโภคอยู่จุดไหนอย่างไร เพื่อได้โฟกัสว่าควรเน้นสินค้าตัวไหนในการสร้างยอดขายระยะสั้น และวางแผนในการสร้างแบรนด์เพื่อครองใจลูกค้าในระยะยาว” 


เมื่อพนักงานคนหนึ่งทุ่มเทในการทำงาน ก็เป็นธรรมดาที่จะคาดหวังว่าจะได้รับการยอมรับ แต่หากถูกมองข้าม ไม่มีการให้เครดิต หรือไม่มีการให้ฟีดแบ็กใดเลย กลายเป็นความพยายามของพนักงานหายไปในความว่างเปล่า สถานการณ์เหล่านี้จะทำให้พวกเขารู้สึกไม่มีคุณค่าและไม่มีตัวตน อาจส่งผลให้แรงจูงใจในการทำงานลดน้อยลง กลายเป็นฆาตกรเงียบ (Silent Killers) กัดกล่อนวัฒนธรรมองค์กร!


การเล่นพรรคเล่นพวก ทำให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรแบบไม้กระดกที่ปลายข้างหนึ่งค้างอยู่กลางอากาศ เปรียบเสมือนการรองรับแค่เพียงคนกลุ่มเล็กๆ ที่ถูกเลือกเท่านั่น ความไม่สมดุลนี้ทำลายขวัญกำลังใจของคนอื่นๆ ในองค์กร และก่อให้เกิดความขุ่นเคือง บั่นทอนความสามัคคีของทีม


“ตอนแรกพี่คนนี้เขายังดีอยู่เลยนะ.. ทำไมพอได้รับตำแหน่งใหม่แล้วอีโก้เยอะจัง! คนเราเมื่อมียศถาบรรดาศักดิ์ หรือได้สวมหัวโขนมีตำแหน่ง เช่น Manager, Team Leader หรือระดับ C-level อยู่ในจุดที่มีอำนาจในการสั่งการ การตัดสินใจ การวางแผน และทุกคนต้องฟังและทำตาม เมื่อนั้นละครับที่ “อีโก้” ของคุณจะเริ่มเติบโต


และสุดท้าย เมื่ออีโก้ของคุณเติบโต มันจะทำให้คุณมีวิสัยทัศน์ที่แคบลง เพราะเราจะฟังแต่สิ่งที่อยากได้ยิน ชอบลูกน้องที่มีความเห็นตรงกับเรา กลายเป็นคนที่มีความคิดบิดเบี้ยว สูญเสียการควบคุมตนเอง และอยู่ในจุดที่ใครก็เตือนหรือเสนอมุมมองใดไม่ได้เลย



บทสรุป – การตระหนักถึงฆาตกรเงียบ (Silent Killers) ในวัฒนธรรมองค์กร! เหล่านี้ เป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรเชิงบวก อย่าลืมว่า วัฒนธรรมองค์กรที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่การเติบโตของธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเติบโตได้อีกด้วย


A Cup of Culture
────
วัฒนธรรมองค์กร
companyculture
corporateculture
organizationalculture
.
.

อ้างอิง
https://www.netsuite.com/portal/resource/articles/human-resources/employee-turnover-statistics.shtml
Share to
Related Posts:
Search

ORG Culture Canvas full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

Search