วัฒนธรรมองค์กรสามารถเป็นได้ทั้ง “ผู้สร้าง” หรือ “ผู้ทำลาย” ขวัญและกำลังใจของคนในองค์กรได้ ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่ในองค์กรขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ วัฒนธรรมองค์กรในสถานที่นั่นๆ ย่อมส่งผลต่อความมีพลังหรือหมดพลังของคนทำงานได้ บทความนี้ A Cup of Culture จะชวนสำรวจ “9 ตัวดูดพลังชีวิตคนทำงาน ” และปัจจัยส่งเสริมที่ช่วย “เพิ่มพลังงานของคนในองค์กร” ดังนี้
9 ตัวดูดพลังชีวิตคนทำงาน
1) บริหารแบบจุจี้จุกจิก (Micromanagement)
: เมื่อผู้นำจู้จี้จุกจิก พวกเขาจะลิดรอนความเป็นอิสระที่พนักงานต้องการเพื่อให้รู้สึกมีอำนาจในบทบาทของตน การควบคุมนี้จะขัดขวางความคิดสร้างสรรค์และก่อให้เกิดความขุ่นเคือง
2) ขาดการสื่อสาร (Lack of Communication)
: การขาดการสื่อสารที่ชัดเจนและเปิดกว้างทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างถูกซุกซ่อนไว้ใต้พรม ประเด็นที่อาจเป็นปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไข
3) เป้าหมายไม่ชัดเจน (Unclear Goals)
: หากขาดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน ทีมจะรู้สึกสูญเสียและสับสน ทำให้การส่งมอบผลงานทำได้ยากขึ้น การขาดทิศทางยังเพิ่มความเครียดและความสับสนอีกด้วย
4) การเมืองในที่ทำงาน (Office Politics)
: วัฒนธรรมองค์กรที่มีรากฐานมาจากการตำหนิและการเมืองในที่ทำงาน ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจและทำให้พนักงานรู้สึกว่าไม่ได้รับการสนับสนุน
5) ขาดการยอมรับ (Lack of Recognition)
: เมื่อพนักงานไม่ได้รับการยอมรับในผลงานของพวกเขา และการตัดสินใจเกิดขึ้นแบบลับๆ ทำให้ขวัญกำลังใจของพนักงานลดลงอย่างรวดเร็ว
6) การประชุมที่มากเกินไป (Excessive Meetings)
: การประชุมที่ขาดจุดมุ่งหมายหรือขาดการกำหนดผลลัพธ์ที่ชัดเจน เป็นการเสียเวลาและเสียพลังงานเป็นอย่างมาก เมื่อพนักงานถูกดึงเข้าไปในการประชุมที่ไม่เกิดประสิทธิผลอยู่ตลอดเวลา พวกเขาก็จะมีเวลาน้อยลงในการโฟกัสงานที่มีความหมายหรือทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
7) ขาดความโปร่งใส (Lack of Transparency)
: เมื่อผู้นำตัดสินใจโดยไม่อธิบายเหตุผลหรือสื่อสารให้พนักงานรับทราบ จะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่ไว้วางใจ ความลับนี้มักทำให้พนักงานรู้สึกแปลกแยกและสับสน ซึ่งส่งผลต่อขวัญกำลังใจ
8) กลัวความผิดพลาด (Fear of Failure)
: ในวัฒนธรรมองค์กรที่ลงโทษความผิดพลาดแทนที่จะมองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้ พนักงานจะหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่เสี่ยงผิดพลาด ล้มเหลว และไม่กล้าลองอะไรใหม่ๆ ความกลัวความล้มเหลวจะขัดขวางความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ทำให้เกิดการหยุดนิ่งมากกว่าการเติบโต
9) ไซโล (Silos)
: เมื่อแผนกหรือทีมต่างๆ ในองค์กร ทำงานแยกกันโดยไม่มีการสื่อสารข้ามสายงาน ไซโลก่อให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากพนักงานมักจะทำงานซ้ำซ้อนหรือขาดการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ทำให้เกิดความหงุดหงิดและไม่มีประสิทธิภาพ
ลักษณะนิสัยที่ใช้พลังงานเหล่านี้อาจทำให้เกิดภาวะหมดไฟ เพิ่มอัตราการลาออก และลดความสุขในที่ทำงานโดยรวม หากไม่ได้รับการตรวจสอบ ปัญหาเหล่านี้อาจแพร่ระบาดไปยังทุกระดับขององค์กร ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อพนักงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กรด้วย
ตัวเพิ่มพลังงานคนในองค์กร
1) ความไว้วางใจและการสื่อสารแบบเปิดกว้าง (Trust and Open Communication)
: การสร้างความไว้วางใจเป็นรากฐานของทีมที่ประสบความสำเร็จ เมื่อพนักงานไว้วางใจผู้นำพวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็นและยอมรับความเสี่ยงที่จะตามมา ช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างช่วยให้ทุกคนเข้าใจตรงกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2) เป้าหมายที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน (Clear and Aligned Goals)
: เมื่อกำหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรแล้ว พนักงานจะเข้าใจว่าองค์กรคาดหวังอะไรจากพวกเขา และงานของพวกเขามีส่วนสนับสนุนต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างไร
3) ความร่วมมือและความเป็นผู้นำที่สนับสนุน (Collaboration and Supportive Leadership)
: ผู้นำที่สนับสนุนพนักงานมากกว่าที่จะควบคุม จะช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมของความเคารพซึ่งกันและกันและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
4) การรับรู้และการชื่นชม (Recognition and Appreciation)
: การรับรู้และชื่นชมความพยายามของพนักงานจะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจ กระตุ้นให้ทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างความภักดี
5) ความยืดหยุ่นและอิสระ (Flexibility and Autonomy)
: การให้พนักงานมีอิสระในการจัดการเวลาและโครงการของตนเอง จะช่วยสร้างความไว้วางใจและผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น สภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่นจะนำไปสู่ทีมงานที่มีความสุขและมีแรงจูงใจมากขึ้น
6) การทำงานที่มีจุดมุ่งหมาย (Purpose-Driven Work)
: เมื่อพนักงานเข้าใจและเชื่อมโยงกับจุดมุ่งหมายเบื้องหลังการทำงาน พวกเขาจะรู้สึกมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจมากขึ้น จุดมุ่งหมายทำให้ Mission ประจำวันมีความหมาย พนักงานจะรู้สึกว่าความพยายามของตนเองมีความหมายและรับรู้ได้ว่าพวกเขามีส่วนสนับสนุนในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าผลลัพธ์ทางธุรกิจ
7) การทำงานเป็นทีมและความร่วมมือ (Teamwork and Collaboration)
: วัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมมากกว่าความสำเร็จของแต่ละบุคคล จะสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นภายในบริษัท เมื่อพนักงานทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกันและส่งเสริมความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันซึ่งเพิ่มขวัญกำลังใจและผลงาน
8) โอกาสในการเรียนรู้และเติบโต (Learning and Growth Opportunities)
: บริษัทที่ลงทุนในการพัฒนาพนักงานโดยเสนอโปรแกรมการฝึกอบรม เวิร์กช็อป หรือโอกาสในการเป็นที่ปรึกษา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเติบโตส่วนบุคคลและในอาชีพ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความภักดีและการมีส่วนร่วมของพนักงานอีกด้วย
9) การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต (Mental Health Support)
: สถานที่ทำงานที่จัดหาทรัพยากรด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี เช่น บริการให้คำปรึกษาหรือเวิร์กช็อปการจัดการความเครียด จะสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการดูแล ส่งผลให้มีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ที่ดีขึ้นและผลงานที่ยั่งยืน
สรุป- วัฒนธรรมองค์กร เป็นทั้งเชื้อเพลิงที่สามารถเติมพลังหรือทำให้พนักงานหมดแรงได้ ดังนั้น การใช้เวลาประเมินวัฒนธรรมองค์กรและวางแผนออกแบบวัฒนธรรมองค์กร (ใหม่) อย่างตั้งใจ และถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตขององค์กรอย่างแท้จริง ท้ายที่สุดแล้ว สถานที่ทำงานที่เติมพลังให้พนักงานคือสถานที่ทำงานที่บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืน ความคิดสร้างสรรค์ และความสำเร็จในระยะยาว
A Cup of Culture
────
วัฒนธรรมองค์กร
corporateculture
organizationalculture
.
.