“Words matter” หรือ คำพูดทุกคำมีความสำคัญ — 3 องค์ประกอบในการพูด คือ ผู้พูด ภาษาที่พูด และผู้ฟัง องค์ประกอบนี้มันเริ่มต้นตั้งแต่ตัวคุณที่เป็นผู้พูด ไปสู่วิธีที่คุณเลือกใช้คำและพูดมันออกไป จนสุดท้ายไปจบที่ผู้รับฟัง
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยด้านภาษาพบว่า “คำพูด วลี และวิธีการใช้คำ” ส่งผลต่อมุมมองที่ผู้อื่นมีต่อคุณได้ สามารถทำให้ผู้อื่นมองคุณในระดับที่สูงขึ้น เป็นมิตร หรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถมองคุณว่าไม่เป็นมิตร ไม่น่าพูดคุยได้ หรือทำให้เสียบรรยากาศได้ด้วย
บทความจาก CNBC ได้พูดถึง 9 ข้อควรระวังในการสนทนา หากเรายังอยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานไว้ ซึ่งแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้คำพูดในการสื่อสาร (Words Experts) ดังนี้
1. ไม่ทักทายผู้คน
การทักทายผู้คน แม้จะเป็นในระดับทางการหรือไม่ทางการถือว่าส่งผลทั้งสิ้น บางคนรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้ไม่เป็นมิตร ไม่ชอบขี้หน้า ก็ไม่อยากจะทักทายด้วย แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า “การแสดงความสุภาพและเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนาก่อน” มันทำให้คุณดูเป็นคนมีวุฒิภาวะที่ดีและมีความเป็นมิตร
สิ่งที่ควรทำ: ฝึกให้ตนเองเป็นผู้เริ่มต้นกล่าวคำว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” หรือเริ่มต้นทักทายว่า “เป็นอย่างไรบ้างช่วงนี้ สบายดีไหม?”
2. เป็นผู้พูดอยู่ฝ่ายเดียว
นักจิตวิทยาชื่อดัง Carl Rogers กล่าวว่า “การฟังอย่างกระตือรือร้น (Active listening) เป็นหัวใจสำคัญของทุกความสัมพันธ์ที่ดี สอดคล้องกับการศึกษาล่าสุดพบว่าการฟังช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้
สิ่งที่ควรทำ: ปรับมายเซ็ตตนเองเกี่ยวกับการฟัง และลองตั้งเป้าหมายกับตนเองว่า “ในการสนทนานี้ฉันจะพูดเป็นคนสุดท้าย”
3. ความคิดและจิตใจ..ไม่อยู่กับคนตรงหน้า
การศึกษาหลายชิ้นพบว่า ในการสนทนาส่วนใหญ่เราไม่ได้อยู่กับสภาวะปัจจุบันตรงหน้าดีเท่าที่ควรนัก สมองของเรามักวิ่งไปคิดเรื่องนู้นทีเรื่องนี้ที หรือจดจ่อแต่จะหาคำพูด คำถามมาพูดสวน โดยไม่ได้ฟังสิ่งที่ผู้พูดกำลังสื่อสารอยู่
สิ่งที่ควรทำ: ใช้เทคนิคการดึงดูดผู้พูดด้วยภาษากาย — สบตา พยักหน้า และตอบสนองต่อผู้พูดบ้างเป็นระยะๆ /ในทางจิตวิทยาพบว่า การใช้ภาษากายตอบรับอยู่เป็นระยะๆ ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งช่วยเพิ่มระดับความรู้สึกปลอดภัยต่อคู่สนทนาเพิ่มมากขึ้น
4. ไม่เชิญชวนให้อธิบายเพิ่ม
เราทุกคนชอบที่จะพูดคุย ดังนั้น การที่เราชวนให้ผู้พูดได้พูดต่อจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้พูดรู้สึกได้ว่า คุณกำลังสนใจบทสนทนาตรงหน้าจริงๆ และข้อดีอีกอย่างคือ ยิ่งคุณปล่อยให้คนอื่นพูดมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเรียนรู้ตัวตนที่เกี่ยวกับพวกเขามากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการชนะใจพวกเขาได้
สิ่งที่ควรทำ: ใช้คำพูดกระตุ้น เช่น “เรื่องเป็นอย่างไรต่อนะ…” “อันนี้น่าสนใจ อยากให้เล่าต่อเกี่ยวกับ…”
5. ขาดความสงสัยใคร่รู้
แทนที่การคิดหาคำพูดมาตอบหรือหาคำพูดสวยหรูมาให้เกิดความประทับใจ ให้เปลี่ยนเป็น “ถามคำถามบางอย่างที่เฉพาะเจาะจงกับบทสนทนาที่กำลังคุยกันอยู่นั่นแทน” การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2017 พบว่าเมื่อคุณถามคำถามผู้คน พวกเขามีแนวโน้มจะคิดว่าคุณเป็นคนที่น่าคบหาพูดคุยด้วยเพิ่มขึ้น
สิ่งที่ควรทำ: ใช้เทคนิคถามคำถามที่ “ต่อยอด” ในเรื่องเดิมไปเรื่อย ๆ เช่น “คุณคิดอย่างไรกับ…?” “หากเป็นคุณจะทำอย่างไร…?”
6. ไม่มีการชมเชยเลย
การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า “การได้รับคำชม ให้ความรู้สึกเหมือนกับการได้รับรางวัลทางการเงิน” ดังนั้น ผู้คนจึงมักจะมองหาคนที่สามารถให้คำชมเชยกับพวกเขาได้
สิ่งที่ควรทำ: กล่าวคำชมบ้างเป็นระยะๆ โดยคำชมเชยควรมุ่งเน้นไปที่ทักษะหรือความสามารถบางอย่างของคู่สนทนา มากกว่าการกล่าวชมรูปลักษณ์ภายนอก เช่น “ในประเด็นนี้คุณวิเคราะห์ได้” หรือ “ผมชอบที่คุณเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนมาก” หรือ “ใช้คำแบบนี้ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายมากเลย” คำชมแบบนี้จะสร้างความประทับใจได้มากกว่า และช่วยทำให้เขาอยากคุยกับคุณมากขึ้นด้วย
7. ไม่สนใจคนที่อยู่รอบข้างเลย
เหตุการณ์นี้อาจพบบ่อยในที่ประชุม คนที่มักเงียบขรึม ไม่ค่อยพูด หรือคนที่มีไอเดียดีๆ แต่มักโดยกลบด้วยนักพูดตัวยงในที่ประชุม ไม่ออกความคิดเห็นอะไร
สิ่งที่ควรทำ: การใช้คำถาม เช่น “คุณ…มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง?” “อยากฟังไอเดียจากคุณ…” วิธีการนี้ส่งผลดีในการกระตุ้นให้ทุกคนได้มีเข้ามามีส่วนร่วม และยังแสดงว่าคุณให้ความสำคัญกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
8. มีแต่คำพูดเชิงลบ
การศึกษาจาก Penn State research ในการสำรวจกลุ่มเป้าหมายช่วงอายุ 20 – 65 ปี เกี่ยวกับคำพูดต่างๆ ที่ใช้แสดงอารมณ์ ข้อสรุปจากการศึกษาพบว่า “ผู้คนรู้จักคำที่แสดงอารมณ์เชิงลบมากกว่าคำเชิงบวกหรือคำที่เป็นกลาง สัดส่วนคือ รู้จักคำเชิงลบ 50 เปอร์เซ็นต์ เชิงบวก 30 เปอร์เซ็นต์ และคำที่เป็นกลาง 20 เปอร์เซ็นต์” ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่เราจะมักจะใช้คำพูดแสดงอารมณ์ในเชิงลบมากกว่า
สิ่งที่ควรทำ: ในการใช้ชีวิตคนเรามักแสดงหาความสุขหรือความรู้สึกเชิงบวกมากกว่าความรู้สึกเชิงลบ ดังนั้น ในการสนทนาคุณควรจะเพิ่มคำพูดเชิงบวกให้มากเข้าไว้เพื่อเพิ่มระดับความสัมพันธ์ที่ดี เช่น “เรื่องนี้น่าสนใจ” “อันนี้เยี่ยมมาก” “ผมชอบประเด็นนี้”
9. ลืมที่จะกล่าวและรู้สึก “ขอบคุณ”
คำว่า “ขอบคุณ” เป็นสองคำสั้นๆ ที่มีน้ำหนักมากในความสัมพันธ์ การศึกษาจาก Harvard Medical School พบว่า “ผู้จัดการที่ขอบคุณทีมงานของพวกเขาอยู่เป็นระยะๆ พบว่าพนักงานมีระดับแรงจูงใจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในการศึกษาอีกชิ้นพบว่าการขอบคุณสามารถเพิ่มระดับความสัมพันธ์ได้ สอดคล้องกับงานวิจัยชิ้นเกี่ยวกับคู่รักพบว่า คู่รักที่แสดงความรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอๆ มีระดับความสุขและความสบายใจในความสัมพันธ์มากขึ้น
สิ่งที่ควรทำ: เพิ่มการพูดคำว่า “ขอบคุณ” *ข้อสำคัญคือ ไม่ใช่แค่พูดว่าขอบคุณ แต่คุณควรรู้สึกขอบคุณจริงๆ ด้วย
บทสรุป — “คำพูด วลี และวิธีการใช้คำ” ของตัวเราในแต่ละวันส่งผลต่อมุมมองและความรู้สึกที่ผู้อื่นมีต่อคุณได้ ดังนั้น ในทั้ง 9 ข้อนี้ ใครที่ยังขาดหรือไม่เคยทำข้อไหน นี่อาจเป็นเวลาที่ดีที่เราจะมาเพิ่มทักษะในข้อนั้นๆ ขึ้น
A Cup of Culture
———–
วัฒนธรรมองค์กร
CorporateCulture
OrganizationalCulture
.
.