ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคปัจจุบัน “การคิดอย่างเป็นระบบ” ไม่ได้เป็นแค่ทักษะส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปรับตัวได้เร็ว ตัดสินใจอย่างชาญฉลาด และนำทีมไปสู่เป้าหมายร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากข้อมูลของคุณ Natan Mohart ผู้เชี่ยวชาญด้าน Tech Entrepreneur ซึ่งได้รวบรวมแบบจำลองทางความคิด ซึ่งจะช่วยให้คุณพัฒนาวิธีคิด ตัดสินใจ และสื่อสารได้ดีขึ้น
ซึ่งเราได้คัดเลือก 12 Mental Models ที่สอดคล้องกับการออกแบบวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืนมานำเสนอ
12 Mental Models การคิดอย่างเป็นระบบ
1. First Principles Thinking
- คำอธิบาย:
การคิดแบบแยกองค์ประกอบ ช่วยให้เราทบทวนและสร้างระบบใหม่จากพื้นฐาน โดยไม่ยึดติดกับแนวทางเดิมๆ ซึ่งเหมาะมากกับการแก้ปัญหาวัฒนธรรมภายในองค์กรที่ฝังรากลึก เช่น พฤติกรรมซ้ำๆ ที่ขัดกับค่านิยมหลักขององค์กร - try this:
- วิเคราะห์ปัญหาด้านวัฒนธรรมด้วยการแยกองค์ประกอบหลัก เช่น ความไว้ใจ การสื่อสาร ความปลอดภัยทางจิตใจ
- ละทิ้งแนวคิดเก่าที่ไม่ได้ผล แม้จะเคยเป็น “best practice” ในอดีต
- เริ่มสร้างวัฒนธรรมใหม่จากแก่นของคุณค่าที่องค์กรเชื่อจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่อยู่ในคู่มือพนักงาน
2. Second-Order Thinking
- คำอธิบาย:
การคิดลำดับที่สองคือการพิจารณาผลกระทบระยะยาวและผลกระทบทางอ้อมของการตัดสินใจ ช่วยให้องค์กรไม่ตกหลุมพรางของ “การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ซึ่งอาจสร้างปัญหาใหม่ในอนาคต - try this:
- ถามว่า “สิ่งนี้จะส่งผลต่อทีม/วัฒนธรรมอย่างไรในอีก 6 เดือนข้างหน้า?”
- สร้างแผนกลยุทธ์ที่มีการประเมิน Ripple Effect ของแต่ละการตัดสินใจ
- พิจารณาผลกระทบต่อความผูกพันพนักงานก่อนเปลี่ยนนโยบายใดๆ ที่เกี่ยวกับคน
3. Pareto Principle (80/20 Rule)
- คำอธิบาย:
กฎ 80/20 ช่วยให้โฟกัสกับสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ได้สูงสุด เช่น ในด้านวัฒนธรรมองค์กร พฤติกรรมบางอย่างมีอิทธิพลมากกว่าที่เราคิด และควรได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจน - try this:
- ระบุ 20% ของกิจกรรมที่ส่งผล 80% ต่อการสร้างวัฒนธรรมเชิงบวก
- ใช้หลักนี้จัดลำดับความสำคัญของโครงการ HR หรือกิจกรรมทีม
- เน้นสนับสนุน “พฤติกรรมหัวใจ” เช่น การฟังอย่างตั้งใจ การให้ feedback อย่างสร้างสรรค์
4. Inversion
- คำอธิบาย:
การคิดกลับด้านช่วยให้เราเห็นความเสี่ยงและปัญหาที่มักมองข้าม เป็นเครื่องมือในการออกแบบวัฒนธรรมองค์กรที่ “ป้องกันปัญหา” มากกว่ารอแก้ไข - try this:
- แทนที่จะถามว่า “จะสร้างทีมที่มี engagement ได้อย่างไร?” ให้ถามว่า “อะไรทำลาย engagement?”
- ใช้ inversion ในการประเมินความเสี่ยงของการตัดสินใจเรื่องคน
- ทำ workshop กับทีมเพื่อระบุ “พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง” ก่อนออกแบบ core values
5. Occam’s Razor
- คำอธิบาย:
หากมีคำอธิบายหลายแบบ วิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมามักเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ในแง่วัฒนธรรมองค์กร หลักการนี้ช่วยให้เราลดความซับซ้อนของแนวทางปฏิบัติ และเน้นสิ่งที่ชัดเจน ใช้งานได้จริง - try this:
- สื่อสารค่านิยมองค์กรให้ “เรียบง่าย เข้าใจง่าย ทำได้จริง”
- ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในองค์กร
- ถ้ามีปัญหาเรื่องการสื่อสารภายใน ลองเริ่มที่ “ขาดความชัดเจน” ก่อนมองหาสิ่งซับซ้อน
6. Law of Diminishing Returns
- คำอธิบาย:
เมื่อทุ่มทรัพยากรมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์มากขึ้นเสมอไป ใช้หลักการนี้เพื่อจัดสมดุลในการลงทุนด้านวัฒนธรรม เช่น กิจกรรมพนักงานหรือการเทรนนิ่ง - try this:
- ตรวจสอบว่าการอบรมที่ทำซ้ำๆ ยังมีผลต่อ engagement หรือไม่
- วางจุด “หยุดที่คุ้มค่า” เช่น ไม่จัดกิจกรรมทีมบิลดิ้งถี่เกินไปจนพนักงานรู้สึกฝืน
- วิเคราะห์ผลตอบแทนของโครงการวัฒนธรรมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
7. Hanlon’s Razor
- คำอธิบาย:
“อย่าเพิ่งสันนิษฐานว่าเป็นเจตนาร้าย หากอาจเป็นแค่ความผิดพลาดหรือความไม่รู้” หลักคิดนี้ช่วยลดความขัดแย้งในองค์กร และส่งเสริมวัฒนธรรมของความเข้าใจและให้อภัย - try this:
- เวลามีพนักงานทำผิด ให้ถามว่า “เขารู้หรือยังว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก?”
- สร้างวัฒนธรรมการสื่อสารด้วยใจเป็นกลาง (non-judgmental communication)
- ฝึกผู้นำให้มีความเข้าใจเชิงจิตวิทยา มากกว่าการด่วนสรุปผิดพลาด
8. Survivorship Bias
- คำอธิบาย:
เราเห็นแต่กรณีที่ประสบความสำเร็จ จึงมองข้ามบทเรียนจากความล้มเหลว ใช้หลักนี้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กล้าเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ไม่ใช่แค่เฉลิมฉลองความสำเร็จ - try this:
- ตั้งเวทีแชร์ “สิ่งที่ล้มเหลวแล้วได้เรียนรู้” เท่าๆ กับการแชร์ความสำเร็จ
- วิเคราะห์พฤติกรรมที่ไม่ได้ผลในอดีต เพื่อป้องกันการทำซ้ำ
- ทำความเข้าใจว่าวัฒนธรรมที่แท้จริงต้องยอมรับ ทุกผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องดี
9. Hick’s Law
- คำอธิบาย:
ยิ่งมีตัวเลือกมาก การตัดสินใจยิ่งช้า หลักการนี้สนับสนุนการทำให้ระบบในองค์กรง่ายขึ้น เช่น การสื่อสาร การให้ feedback หรือการเลือกแผนพัฒนา - try this:
- จำกัดตัวเลือกในแบบประเมินพนักงานให้สั้น กระชับ
- ทำ internal portal หรือ resource center ให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- ออกแบบ onboarding ที่เน้นประสบการณ์ที่ “ตรงประเด็น” มากกว่าข้อมูลล้นเกิน
10. Confirmation Bias
- คำอธิบาย:
ผู้คนมักมองหาแต่สิ่งที่ยืนยันความเชื่อของตนเอง หลักการนี้ชวนให้องค์กรเปิดรับความคิดเห็นที่ต่าง ช่วยให้วัฒนธรรมองค์กรไม่ยึดติดความคิดเดิมๆ - try this:
- ส่งเสริมให้ทีมถามมุมกลับ เช่น “มีมุมไหนที่เรายังไม่เห็น?”
- ทำ session แบบ debate หรือ role-reversal เพื่อท้าทายสมมติฐาน
- ฝึกให้ทีมยอมรับ feedback ที่ขัดแย้งกับมุมมองส่วนตัว
11. Sunk Cost Fallacy
- คำอธิบาย:
เมื่อเราทุ่มเทอะไรไปมาก เรามักไม่อยาก “ยอมแพ้” แม้มันจะไม่เวิร์กแล้ว ใช้หลักนี้เพื่อกล้ายุติโครงการวัฒนธรรมที่ไม่ตอบโจทย์ และเริ่มต้นใหม่อย่างมีเหตุผล - try this:
- ประเมินผลลัพธ์ตามจริง ไม่ยึดติดกับ effort ที่ลงทุนไป
- ให้พื้นที่ทีม HR หรือฝ่ายพัฒนาคน กล้ายอมรับว่า “สิ่งนี้ใช้ไม่ได้”
- สร้างวัฒนธรรมที่เน้น “ผลลัพธ์ปัจจุบัน” มากกว่า “อดีตที่ลงทุนไปแล้ว”
12. Regret Minimization Framework
- คำอธิบาย:
คิดย้อนจากอนาคต ว่า “ถ้ามองย้อนกลับมา จะเสียดายไหมถ้าไม่ทำสิ่งนี้?” โมเดลนี้ช่วยให้ตัดสินใจในสิ่งที่กล้าหาญและสร้างการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในระยะยาว - try this:
- ก่อนจะตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เช่น ปรับโครงสร้างองค์กร ให้ถามว่า “ในอีก 5 ปี เราจะรู้สึกอย่างไรถ้าไม่เปลี่ยน?”
- ใช้คำถามนี้ในการโค้ชผู้นำระดับสูงเกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กร
- ออกแบบค่านิยมองค์กรที่สอดคล้องกับ “ความภูมิใจในระยะยาว” ไม่ใช่แค่เป้าหมายระยะสั้น
บทสรุป:
การใช้ 12 Mental Models เหล่านี้ไม่ใช่แค่เทคนิคการคิดที่ชาญฉลาด แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบวัฒนธรรมองค์กร ที่มีคุณภาพ หากองค์กรต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน ควรเริ่มต้นจากการปรับวิธีคิดของคนในองค์กรก่อน
A Cup of Culture
────
วัฒนธรรมองค์กร
corporateculture
organizationalculture
.
.

https://www.linkedin.com/in/natanmohart/
