อะไรคือสิ่งที่พนักงานให้ความสำคัญ …?


เมื่อบริบทของสังคมเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ความต้องการและลำดับการให้ความสำคัญของพนักงานในองค์กรจะเปลี่ยนตาม จากเดิมที่พนักงานอาจจะชื่นชอบการได้หม้อหุงข้าวหรือเครื่องชงกาแฟรุ่นใหม่เป็นของรางวัลจากองค์กร แต่ผลการศึกษากลุ่มพนักงานยุคใหม่กลับพบว่า “พวกเขาคาดหวังบางสิ่งที่ลึกซึ้งและมีความหมายมากขึ้นจากนายจ้าง”


การเปลี่ยนแปลงในค่านิยมที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เป็นโจทย์ที่องค์กรต้องกลับมาคิดให้มากขึ้น ว่าจะใช้กลยุทธ์แบบไหนในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อส่งเสริมพนักงานที่มีประสิทธิผล มีส่วนร่วม และเกิดภักดีในองค์กร บทความนี้ เพจ A Cup of Culture จะมาชวนดูว่า อะไรคือสิ่งที่พนักงานไม่ได้สนใจมากนัก และอะไรคืดสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ


1. บาร์เครื่องดื่ม

  • ข้อสันนิษฐานที่ว่า “พนักงานต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เครื่องชงกาแฟรุ่นใหม่ บาร์อาหารว่าง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ” ความจริงที่พบคือ สิทธิประโยชน์ผิวเผินเหล่านี้มักไม่สามารถตอบสนองความต้องการหลักของพนักงานได้
  • แนวคิดที่ว่า “พนักงานมีกาแฟดื่มฟรี สามารถมาทดแทนวัฒนธรรมองค์กรได้” ถือเป็นความผิดพลาดที่หลายองค์กรทำ สิ่งที่พนักงานต้องการจริงๆ นั้นไม่ได้มีแค่ความสะดวกสบายเท่านั้น แต่พวกเขาต้องการความรู้สึกมีจุดมุ่งหมาย การยอมรับ และความเคารพในการทำงานร่วมกัน


2. ช่วงเวลาแห่งความสุข (Happy Hours)

  • แม้ว่ากิจกรรมแนวสังสรรค์หลังเลิกงาน หรือช่วงเวลาพิเศษต่างๆ อาจส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะสั้นได้ แต่บ่อยครั้งที่กิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่แท้จริงที่พนักงานต้องเผชิญในช่วงเวลาปกติของการทำงาน โดยเฉพาะพนักงานที่มีนิสัยเก็บตัว หรือพนักงานที่มีภาระผูกพันในครอบครัว กิจกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นภาระของเขาทันที
  • ดังนั้น หากกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมในที่ทำงานที่เห็นอกเห็นใจ หรือวัฒนธรรมองค์ที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น กิจกรรมเหล่านี้อาจส่งผลลบต่อความพึงพอใจของพนักงานในระยะยาวได้


3. ของขวัญพรีเมี่ยมที่มีตราองค์กร

  • ตัวอย่างเช่น เสื้อยืด กระเป๋า หรือขวดน้ำ อาจสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งให้กับบางคน แต่สิ่งของเหล่านี้อาจไม่ได้ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมหรือสร้างความภักดีให้กับพนักงาน มันเป็นแค่เพียงสิ่งของเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับพนักงานจริงๆ ดังนั้น สิ่งที่พนักงานต้องการคือวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างขึ้นบนความไว้วางใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการสื่อสารที่เปิดกว้าง


ความเคารพเป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง พนักงานต้องการจะรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการยอมรับ เมื่อองค์กรส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความเคารพ พนักงานก็มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วม เสนอความคิดสร้างสรรค์ และรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรมากขึ้น


ความเคารพสามารถแสดงออกมาได้หลายวิธี ตั้งแต่การยอมรับความแตกต่างของแต่ละบุคคล การเปิดรับความคิด และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างซึ่งทุกคนรู้สึกว่าได้รับการรับฟัง


ดังนั้น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเคารพจะช่วยลดความขัดแย้ง เพิ่มความร่วมมือ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทีม องค์กรที่ส่งเสริมเรื่องความเคารพมักจะมีอัตราการรักษาพนักงานและความพึงพอใจของพนักงานที่สูงขึ้น


“ความยืดหยุ่น” ได้กลายเป็นลักษณะหนึ่งที่พนักงานต้องการมากที่สุดในวัฒนธรรมองค์กร พนักงานต้องการอิสระในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับความรับผิดชอบในอาชีพของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกในการทำงานทางไกล ( Remote Working)  เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือการได้รับการซัพพอร์ตต่างๆ จากองค์กร


วัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น สามารถลดภาวะหมดไฟได้ (Burnout) ส่งผลให้พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้นอีกด้วย


พนักงานยุคใหม่ต้องการทำงานที่มีความหมายและมีจุดมุ่งหมายในการทำงานมากขึ้น พวกเขาต้องการรู้ว่างานของตนเองมีความสำคัญอย่างไรต่อองค์กรหรือสังคม (ที่มากไปกว่าแค่ผลกำไร) ดังนั้น องค์กรที่เน้นความหมายและจุดมุ่งหมายในการทำงาน จะช่วยให้พนักงานจะมีแรงบันดาลใจ หลงใหล และทุ่มเทเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กรมากขึ้น


ความไว้วางใจและความโปร่งใสเป็นเสาหลักพื้นฐานของวัฒนธรรมองค์กรที่ประสบความสำเร็จ พนักงานต้องการทำงานให้กับผู้นำที่มีความซื่อสัตย์ เปิดเผย และโปร่งใส เกี่ยวกับการตัดสินใจ แผนกลยุทธ์ และการจัดการความท้าทาย/ซับซ้อนต่างๆ


เมื่อองค์กรส่งเสริมวัฒนธรรมความไว้วางใจ พนักงานจะรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความกังวล เสนอความคิดเห็น และมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ วัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใสจะสร้างความภักดีและส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจมากขึ้น


“ความเห็นอกเห็นใจ” เป็นหนึ่งในคุณลักษณะสำคัญของความเป็นผู้นำในยุคปัจจุบัน พนักงานต้องการผู้นำที่รับฟังความกังวลของพวกเขา เข้าใจปัญหาของพวกเขา และให้การสนับสนุนอย่างจริงใจ วัฒนธรรมองค์กรที่มีความเห็นอกเห็นใจทำให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับฟังและมีคุณค่า ผู้นำที่แสดงความเห็นอกเห็นใจสามารถปรับปรุงขวัญกำลังใจ เพิ่มอัตราการรักษาพนักงาน และเพิ่ม Productivity โดยรวมได้


ในโลกที่ผู้คนเชื่อมโยงถึงกันผ่านเครือข่าย 5G ผู้คนทำงานออนไลน์จากที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ ทำให้เส้นแบ่งกั้นระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานเลือนหายไป ดังนั้น วัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานจะช่วยส่งเสริมความภักดีและช่วยป้องกันความเครียดที่นำไปสู่การไม่มีส่วนร่วมหรือการลาออก


องค์กรที่ส่งเสริมนโยบายต่างๆ เช่น การจำกัดการสื่อสารนอกเวลาทำการ หรือการอนุญาตให้มีวันหยุดที่ยืดหยุ่นได้ ช่วยป้องกันภาวะหมดไฟ เพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน และพนักงานมีประสิทธิผลและมีสมาธิมากขึ้น


พนักงานต้องการรู้สึกว่าได้รับการชื่นชมและรับรู้ถึงความพยายามของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการชมเชยด้วยวาจา การให้รางวัล หรือการให้โบนัส วัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับและชื่นชมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้พนักงาน แต่ยังช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานเชิงบวกอีกด้วย การให้การยอมรับต่อความสำเร็จทั้งเล็กและใหญ่ในที่สาธารณะสามารถเพิ่มแรงจูงใจ สร้างความสัมพันธ์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานได้


บทสรุป —ยุคใหม่ของวัฒนธรรมองค์กรต้องการมากกว่าแค่การได้ดื่มกาแฟหรูๆ ช่วงเวลาแห่งความสุข และของพรี่เมี่ยมจากองค์กร ในทางกลับกันพนักงานต้องการวัฒนธรรมองค์กรที่มีความหมาย ความเคารพ ความยืดหยุ่น ความไว้วางใจ ความโปร่งใส และความเห็นอกเห็นใจ องค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความคาดหวังใหม่ที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจประสบปัญหาในการมีส่วนร่วมและการรักษาพนักงานไว้ ในขณะที่บริษัทที่ให้ความสำคัญกับค่านิยมเหล่านี้จะปลูกฝังพนักงานที่ภักดี มีแรงจูงใจ และมีประสิทธิภาพสูง


A Cup of Culture
────
วัฒนธรรมองค์กร
corporateculture
organizationalculture
.
.

อะไรคือสิ่งที่พนักงานให้ความสำคัญ
Infographic inspired by linkedin.com/in/johncastro
Share to
Related Posts:
Search

ORG Culture Canvas full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

The Value Compass full report is ready for download. Thank for interesting in our free tools.

Search