“Intellectual growth should commence at birth and cease only at death” –Albert Einstein
“การเจริญเติบโตทางสติปัญญาควรจะเริ่มต้นเมื่อเราถือกำเนิดและสิ้นสุดลงเมื่อเราตายเท่านั้น” คำกล่าวนี้คู่ควรแก่การใคร่ครวญไม่ใช่แค่เพราะมันถูกกล่าวออกจากปากของนักฟิสิกส์เอกของโลกอย่าง ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ แต่เพราะมันคือความจริงที่หากใครปฏิเสธก็คงต้องพบกับหายนะอย่างแน่นอน
ในโลกธุรกิจและการทำงาน การเรียนรู้และฝึกฝนตัวเองคือหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกองค์กรผ่านพ้นปัญหาและเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วยิ่งกว่าติดจรวดทั้งจากเทคโนโลยี(แน่นอนว่าผมไม่ได้พูดถึงอินเทอร์เน็ตเพราะมัน out ไปแล้ว แต่ผมกำลังพูดถึงผู้ช่วยเขียนบทความนี้ให้แก่ผมนั่นคือ AI) และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมโลก เช่น โลกระบาด ค่าเงินเฟ้อ สิ่งแวดล้อม และสงคราม การเรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่างๆ ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นหลายร้อยเท่า
ลองจินตนาการถึงการขับรถด้วยความเร็วสูงไปบนถนนสักแห่ง จู่ๆ ถนนเส้นนั้นก็มีหลุมบ่อ ทางเลี้ยวหักศอก คุณอาจจะคิดว่าตัวเองมีทักษะความรู้มากพอที่จะพารถผ่านไปได้ แต่สถานการณ์ที่เราเจออยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่หลุมบ่อหรือทางหักศอก แต่มันคือการที่ถนนเบื้องหน้าจู่ๆ ก็กลายเป็นทะเลสาปซึ่งเราอาจจะต้องทิ้งรถแล้วต่อเรือหรือว่ายน้ำข้ามไปเลยทีเดียว
ผมเชื่อว่าคุณน่าจะเห็นความสำคัญของการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่างๆ ในการทำงาน แต่ยังไม่รู้ว่าการฝึกอบรม หรือ Training ในการทำงานยุคใหม่ควรจะต้องมีหัวข้ออะไร หรือ รูปแบบไหนบ้าง บทความนี้จึงขอนำเสนอไอเดียฝึกอบรมประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อพัฒนาทักษะพนักงานให้พร้อมที่จะต่อเรือหรือขับเครื่องบินเพื่อนำพาให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้
=================
1. AI Skills & New Digital Skills
- ทักษะการใช้ AI ในการทำงานทั่วไป
- เพิ่ม Productivity : ใช้งาน AI เพื่อลดการเสียเวลาที่ไม่จำเป็น
 
 - ทักษะการตลาด Digital with AI :
- โซเชียลมีเดีย: เล่นยังไงให้ปัง ดึงดูดลูกค้า
 - โฆษณาดิจิทัล: ยิงแอดให้เป๊ะ ปังทุกคลิก
 - SEO: ติดอันดับต้น ๆ บน Google ง่ายนิดเดียว
 - SEM: ยิงแอดบน Search Engine ดึงดูดลูกค้าตรงใจ
 
 - ทักษะวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ด้วย AI :
- เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้ยังไงให้คล่อง ดึงข้อมูลเชิงลึก
 - ตีความข้อมูล: เข้าใจข้อมูล วิเคราะห์ปัญหา หาทางแก้
 - นำเสนอข้อมูล: สื่อสารข้อมูลให้ชัดเจน โน้มน้าวใจ
 
 - ทักษะพัฒนาซอฟต์แวร์:
- เขียนโปรแกรม: ภาษาไหนมาแรง เรียนรู้ไว้ไม่เสียหลาย
 - Agile development: พัฒนาซอฟต์แวร์แบบฉับไว ทันใจลูกค้า
 - DevOps: ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ประสานงานกันแบบไร้รอยต่อ
 
 - ทักษะการออกแบบ UX/UI with AI :
- เว็บไซต์: สวย ใช้งานง่าย ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
 - แอปพลิเคชั่น: ใช้งานสะดวก ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ในการใช้ที่ดีเยี่ยม สะดวก รวดเร็ว เข้าใจง่าย
 
 
=================
2. Thinking Skills :
- ทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา :
- วิเคราะห์ปัญหา: หาต้นตอของปัญหาเพื่อแก้ให้ตรงจุด
 - การหาสาเหตุ: คิดแบบมีระบบ สามารถหาที่มาที่ไปได้
 - การแก้ปัญหา: คิดหาวิธีแก้ไขที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
 
 - ทักษะการคิดสร้างสรรค์ และการคิดนอกกรอบ:
- คิดนอกกรอบ: หาวิธีใหม่ ๆ แหวกแนวไม่เหมือนใคร
 - หาไอเดียใหม่: คิดแบบล้ำ ๆ สร้างสรรค์ผลงานสุดปัง
 - คิดริเริ่ม: กล้าคิด กล้าทำ
 
 - ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ:
- มองภาพรวม: เข้าใจความสัมพันธ์ของทุกส่วน
 - เข้าใจความสัมพันธ์: เห็นภาพรวม วิเคราะห์ปัญหา
 - คิดวิเคราะห์แบบองค์รวม: หาวิธีแก้ไขแบบยั่งยืน
 
 - ทักษะการตัดสินใจอย่างแม่นยำ:
- วิเคราะห์ข้อมูล: เก็บข้อมูล วิเคราะห์ หาข้อสรุป
 - ประเมินความเสี่ยง: คิดรอบคอบ วางแผนรับมือ
 - ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ: เลือกทางที่ใช่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย
 
 
=================
3. Communication Skills :
- ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ:
- พูด: สื่อสารชัดเจน ตรงประเด็น เข้าใจง่าย
 - เขียน: เขียนชัดเจน รัดกุม น่าสนใจ
 - ฟัง: ฟังอย่างตั้งใจ เข้าใจความต้องการของผู้อื่น
 - ภาษากาย: สื่อสาร nonverbal ให้ตรงใจ
 
 - ทักษะการนำเสนองานให้โดนใจ:
- ออกแบบสไลด์: สวยงาม ดึงดูดความสนใจ
 - พูดนำเสนอในที่สาธารณะอย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ ดึงดูดใจคนฟังได้
 - โน้มน้าวใจ: สามารถสื่อสารอย่างมีพลังจนคนเชื่อ และเพิ่มโอกาสให้คนทำในสิ่งที่เราต้องการ
 
 - ทักษะการเจรจาต่อรอง:
- เทคนิคการเจรจา: เจรจาอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
 - ทักษะการต่อรองผลประโยชน์: เพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กร หรือ ผลประโยชน์ของทีม
 - เทคนิคการบรรลุข้อตกลง มุ่งเน้นให้จบแบบ Win-Win ด้วยกันทุกฝ่าย
 
 - ทักษะการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม:
- ความรู้เข้าใจวัฒนธรรม: เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างเพื่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 - มีทักษะการสื่อสารกับคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ทั้งแตกต่างด้าน Generation แตกต่างด้านเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรมที่ได้รับมาจากครอบครัวกับที่ทำงานในอดีต
 
 
=================
4. Leadership & Teamwork Skills  :
- ทักษะการบริหารจัดการเวลา:
- วางแผน: วางแผนล่วงหน้า จัดลำดับความสำคัญ
 - จัดลำดับความสำคัญ: ทำงานสำคัญและเร่งด่วนก่อน
 - จัดการงาน: ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
 - บริหารเวลา: ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
 
 - ทักษะการจัดการความเครียด:
- เทคนิคการจัดการความเครียด: คลายเครียด ผ่อนคลาย
 - ผ่อนคลาย: หาวิธีผ่อนคลาย ลดความเครียด
 - ดูแลสุขภาพ: รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อน
 
 - ทักษะด้านการเป็นผู้นำ:
- ทักษะการเป็นผู้นำ: inspiring
 - สร้างแรงบันดาลใจ: กระตุ้นให้พนักงานทำงานอย่างมีไฟ
 - สร้างทีม: คัดเลือกคน จัดตำแหน่งให้เหมาะสม บริหารคนอย่างเหมาะสม
 - บรรลุเป้าหมาย: การตั้งเป้าหมายระยะยาว เป้าหมายระยะสั้น การทำให้เป้าหมายสำเร็จ และการวัดผล
 
 - ทักษะด้านการทำงานเป็นทีม:
- ทำงานร่วมกัน: ร่วมมือ ร่วมใจ บรรลุเป้าหมาย
 - สื่อสาร: สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจตรงกัน
 - แก้ปัญหา: หาวิธีแก้ไข ร่วมมือกัน
 - บรรลุเป้าหมาย: ทำงานเป็นทีม มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน
 
 
=================
5. Specific skills :
- ทักษะเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขององค์กรนั้นๆ เช่น ทักษะวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงิน สำหรับธุรกิจธนาคาร, ทักษะด้านการออกแบบสำหรับธุรกิจโฆษณา
 - ทักษะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงาน เช่น ทักษะการนำเสนอ และทักษะเจรจาต่อรอง สำหรับพนักงานขาย
 - ทักษะที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาธุรกิจ เช่น ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล ทักษะการคิดเชิงกลยุทธ์
 
คำถามสำคัญ: ใช้รูปแบบการฝึกอบรมแบบไหนดี ?
การเลือกรูปแบบการฝึกอบรมเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่คุณจำเป็นต้องให้ความสำคัญ โดยจะต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวโดยคำนึงถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์องค์กรเป็นสำคัญ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อย่างเช่น คาแรกเตอร์ของคนในองค์กร ต้นทุนที่มีทั้งในด้านเวลาและงบประมาณ ก็เป็นสิ่งที่คุณต้องนำมาวิเคราะห์เพื่อให้การฝึกอบรมมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
- การฝึกอบรมในห้องเรียน (On-site Training)
- บรรยาย (Lecture & Public Speaking): งบประมาณน้อย ใช้เวลาน้อย แต่พนักงานจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะ และไม่ได้แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์
 - ฝึกปฏิบัติ (Workshop & Activity Based): ได้ฝึกฝนผ่านกิจกรรม ได้สรุปความรู้ด้วยตัวเองและร่วมกัน แต่จะใช้งบประมาณและเวลาค่อนข้างสูง
 - อภิปราย (Dialogue & Discussion): ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง และประสบการณ์ ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นแต่เหมาะสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น เช่น ผู้บริหารในองค์กร
 
 - การฝึกอบรมออนไลน์ (Online Training)
- e-learning: บทเรียนที่ถ่ายทำเก็บไว้สำหรับให้พนักงานเข้ามาเรียนรู้ด้วยตัวเอง
 - webinar: การเรียนรู้รูปแบบสัมมนาออนไลน์ รองรับคนจำนวนมาก
 - การฝึกอบรมแบบ Virtual Training : สอนสดผ่านโปรแกรม Online
 
 - การฝึกอบรมแบบผสมผสาน (Hybrid Training)
การฝึกอบรมที่ผสมผสานระหว่าง On-Site กับ Online อาจจะให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ทฤษฎีผ่านบทเรียน Online มาก่อน แล้วมาฝึกฝนทักษะในโปรแกรมแบบ On-site หลังจากที่เรียนทฤษฎีไปแล้ว 
ตัวอย่างการฝึกอบรมที่เหมาะกับองค์กรของคุณ :
- องค์กรที่ต้องการพัฒนาทักษะการตลาดดิจิทัลยุคใหม่:
- ฝึกอบรมการตลาดบนโซเชียลมีเดีย
 - ฝึกอบรมการโฆษณาดิจิทัล
 - ฝึกอบรม SEO SEM
 
 - องค์กรที่ต้องการพัฒนาทักษะการคิด:
- ฝึกอบรมการคิดเชิงวิพากษ์
 - ฝึกอบรมการคิดสร้างสรรค์
 - ฝึกอบรมการคิดเชิงระบบ
 
 - องค์กรที่ต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสาร:
- ฝึกอบรมการสื่อสาร effectively
 - ฝึกอบรมการนำเสนอ
 - ฝึกอบรมการเจรจาต่อรอง
 
 
บทสรุป:
คำถามสำคัญที่ผมได้รับตลอดการทำงานนี้มาหลายปีก็คือ องค์กรของเราควรเลือกไอเดียฝึกอบรมอย่างไรให้เหมาะสมกับธุรกิจและคนของเรา การตอบคำถามนี้ต้องพาคุณกลับมานั่งในรถที่กำลังขับเคลื่อนไปบนเส้นทางที่กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่นี้ การเลือกไอเดียฝึกอบรมให้เหมาะสมก็อุปมาเหมือนการเดินทางที่คุณต้องทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ดังนี้
- เป้าหมายขององค์กร
 - ความต้องการของพนักงาน
 - งบประมาณ และเวลา
 - รูปแบบการฝึกอบรม
 
สุดท้ายนี้ ผมอยากให้คุณระลึกถึงคำกล่าวของไอน์สไตน์ องค์กรจำเป็นต้องพัฒนาไปตลอดจนกว่าองค์กรจะสูญสลาย ซึ่งหนึ่งในวิธีพัฒนาองค์กรที่ดีที่สุดก็คือการฝึกอบรมพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องมองว่ามันคือการลงทุนที่มีคุณค่า เพราะมันสามารถช่วยให้พนักงานของคุณมีทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กรได้จริง ฉะนั้นจงเลือก ‘ไอเดียฝึกอบรม’ ด้วยทัศนคติที่ว่า “เรากำลังลงทุนพัฒนาคนเพื่อพัฒนาองค์กรอยู่” นั่นเอง
====================
ติดต่อสอบถามและปรึกษากับ Consultant ของเราได้แล้ววันนี้
โทร 095 165 0745 (คุณดาว Program Manager)
Line Official: @massivemomentum
.

