คุณชอบหัวหน้าที่ควบคุมรายละเอียดทุกตารางนิ้ว (Micromanagement) หรือชอบหัวหน้าที่ปล่อยปะละเลยและแทบไม่เคยให้คำแนะนำอะไรเลย.. มากกว่ากัน? ผมว่าคำถามนี้ยากเหมือนกันนะครับ ที่ว่ายากไม่ใช่เพราะรักพี่เสียดายน้อง แต่เพราะทั้งสองอย่างถ้าให้ต้องเลือก… ผมเชื่อว่าในใจของลึกเราๆ ก็คงไม่อยากเลือกทั้งสองเลย
เรื่องราวที่อยากชวนคุณผู้ฟังคุยในวันนี้เกี่ยวข้องกับคำว่า Management Style หรือสไตล์การบริหารจัดการของหัวหน้า ผู้จัดการ หรือแม้กระทั่งตัวเราเวลาทำงานกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ในทีม บทความชิ้นจาก Harvard Business Review ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “สไตล์การบริหารจัดการของคุณมีอิทธิพลโดยตรงต่อวัฒนธรรมองค์กร…?” ไม่ว่าคุณกำลังทำงานกับผู้จัดการที่ชอบควบคุมรายละเอียดมากเกินไป (micromanagement) หรือผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลยเกินเหตุ (hands-off approach) หรืออยู่ตรงกลางระหว่างแนวทางทั้งสอง สไตล์ของคุณล้วนส่งผลต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน productivity (ผลิตภาพ) และความพึงพอใจโดยภาพรวม
มาลองสังเกตผ่านคำถามทั้ง 6 ข้อ ว่าคุณกำลังทำงานกับผู้จัดการแบบควบคุมรายละเอียดมากเกินไป หรือผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลยเกินไปกันแน่ และแนวทางในการปรับสไตล์ของคุณเพื่อประโยชน์ของทีมและองค์กร เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรอย่างที่ตั้งใจ
Micromanagement Style คืออะไร?
ผู้จัดการแบบ Micromanagement คือคนที่ชอบควบคุมรายละเอียดมากเกินไป และคอยตรวจสอบการทำงานของพนักงานอย่างใกล้ชิด ทุกจุด ทุกตารางนิ้ว ในวัฒนธรรมองค์กรที่ได้รับอิทธิพลจากการจัดการแบบควบคุมรายละเอียดมากเกินไป พนักงานอาจรู้สึกอึดอัดและไม่ได้รับการยอมรับคุณค่า เนื่องจากความคิดและการมีส่วนร่วมของพวกเขาถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การขาดการมีส่วนร่วม อัตราการลาออกสูง และการขาดนวัตกรรมโดยทั่วไปภายในองค์กร
3 คำถามเช็คลิสต์ ว่าคุณกำลังทำงานกับผู้จัดการที่ชอบควบคุมรายละเอียดมากเกินไปหรือไม่?
คำถามที่ 1: คุณมักรู้สึกว่าตนเองถูกควบคุมทุกรายละเอียดของงานหรือไม่?
ผู้จัดการที่ชอบควบคุมรายละเอียดมากเกินไปมีแนวโน้มที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานประจำวันของพนักงานมากเกินไป หากผู้จัดการของคุณมักคอยเข้ามาตรวจสอบ แก้ไข หรือแม้กระทั่งเข้ามาทำงานแทนอยู่เสมอ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังถูกควบคุมรายละเอียดมากเกินไป ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองกำลังทำงานอยู่ในบรรยากาศที่อึดอัด ความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นอิสระของพวกเขาถูกจำกัด
สิ่งที่สามารถทำแทนได้: คือ จัดตารางเช็คอินเป็นประจำ (แต่มีระยะห่างเช่น ทุกวันอังคารและวันศุกร์ เป็นต้น) วิธีนี้จะช่วยให้ทีมได้ทำงานอย่างอิสระ ในขณะที่ทั้งคุณและหัวหน้างานก็ยังรับรู้ถึงความก้าวหน้าของงานได้ด้วย การทำเช่นนี้จะช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและได้รับความไว้วางใจ
คำถามที่ 2: ผู้จัดการมักเชื่อว่าวิธีของเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือไม่?
ผู้จัดการที่ชอบควบคุมรายละเอียดมากเกินไปมักมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าวิธีของตนเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งอาจนำไปสู่ความลังเลในการมอบหมายงานหรือปล่อยให้คนอื่นคิดแก้ปัญหาด้วยวิธีที่แตกต่าง ความคิดเช่นนี้สามารถส่งผลเสียต่อวัฒนธรรมองค์กรได้เพราะมันไม่ส่งเสริมความคิดที่หลากหลายและยับยั้งความสามารถของทีมในการสร้างนวัตกรรม
สิ่งที่สามารถทำแทนได้: ปรับมายเซ็ทใหม่ ให้มองว่า “เป้าหมายเดียวกัน แต่วิธีการที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย มีได้หลากหลาย” แนวคิดนี้ช่วยส่งเสริมให้ทีมงานมองหาวิธีแก้ปัญหาของตนเอง ให้อำนาจแก่ทีมงาน และยังส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับความคิดสร้างสรรค์และความคิดอิสระ
คำถามที่ 3: ทีมของคุณมักมีปัญหาในการมอบหมายงานหรือไม่?
ผู้จัดการที่ชอบควบคุมรายละเอียดมากเกินไปมักพบว่ายากที่จะมอบหมายงาน อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ไว้วางใจใครว่าจะทำงานได้ดีเท่าที่ตัวเขาทำ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความเหนื่อยล้า ทั้งตัวผู้จัดการและทีมงานเอง และยังส่งผลเสียต่อวัฒนธรรมองค์กรด้วย
สิ่งที่สามารถทำแทนได้: เริ่มต้นด้วยการกระจายงานออกเป็นชิ้นเล็กๆ และค่อยๆ เพิ่มเป็นงานที่ใหญ่ขึ้น เมื่อทีมงานเริ่มรู้สึกมั่นใจในความสามารถของกันและกันแล้ว ก็ควรมีการมอบหมายงานกันอย่างชัดเจน วิธีนี้ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงานรู้สึกได้รับความไว้วางใจและได้รับอำนาจให้เป็นเจ้าของงานของตนเองด้วย
Hands-Off Management Style คืออะไร?
ในอีกด้านหนึ่งผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลย เขามักให้อิสระแก่ทีมงานในระดับสูง (จนเหมือนมากเกินไปด้วยซ้ำ) และคาดหวังให้ทีมจัดการงานและรับผิดชอบตนเอง รวมทั้งละเลยในการให้คำแนะนำ การสนับสนุน หรือข้อเสนอแนะทำให้พนักงานรู้สึกไร้ทิศทางและขาดการสนับสนุน
ในวัฒนธรรมองค์กรที่ได้รับอิทธิพลจากสไตล์การจัดการแบบปล่อยปละละเลย จะนำไปสู่ความสับสน การพลาดกำหนดส่งงาน และการลดลงของผลิตภาพโดยรวม แม้ว่าเจตนาอาจเป็นการให้อำนาจแก่พนักงาน แต่หากปราศจากการสนับสนุนและการสื่อสารที่เหมาะสม แนวทางนี้อาจส่งผลให้เกิดทีมที่ไม่มีส่วนร่วมและไม่มีประสิทธิภาพได้
3 คำถามเช็คลิสต์ ว่าคุณกำลังทำงานกับผู้จัดการที่ชอบปล่อยปะละเลยมากเกินไปหรือไม่?
คำถามที่ 1: คุณมักกลับไปหาหัวหน้างานด้วยคำถามซ้ำๆ บ่อยๆ หรือไม่?
หากคุณมักกลับไปหาผู้จัดการเพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับงานหรือโครงการอยู่เป็นประจำ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังทำงานกับผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลยมากเกินไป แม้ว่าการให้อิสระแก่ทีมจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การห่างเหินเกินไปอาจทำให้ทีมงานรู้สึกขาดการสนับสนุนและไม่แน่ใจเกี่ยวกับความรับผิดชอบของตน
สิ่งที่สามารถทำแทนได้: ควรมีการกำหนดความคาดหวังให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น และจัดเตรียมทรัพยากรที่ทีมต้องการเพื่อให้งานสำเร็จ วิธีนี้ช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรโดยแสดงให้เห็นว่าคุณมีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนโดยไม่ครอบงำมากเกินไป
คำถามที่ 2: หัวหน้ามักรอให้ปัญหาลุกลามใหญ่โตก่อน ถึงจะเข้ามาจัดการหรือไม่?
ผู้จัดการที่ปล่อยปละละเลยมักชะลอการจัดการปัญหา โดยหวังว่ามันจะแก้ไขได้เอง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้สามารถทำให้ปัญหาเล็กๆ กลายเป็นความท้าทายที่ใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อขวัญกำลังใจของทีมและวัฒนธรรมองค์กรโดยรวม
สิ่งที่สามารถทำแทนได้: นำแนวทางการจัดการเชิงรุกมาใช้โดยติดตามความคืบหน้าของทีมอย่างสม่ำเสมอและจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ นี่ไม่ได้หมายถึงการควบคุมรายละเอียดมากเกินไป แต่หมายถึงการรับรู้และมีส่วนร่วมเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลาม
คำถามที่ 3: คุณแทบไม่เคยได้รับข้อเสนอแนะเชิงบวกหรือเชิงสร้างสรรค์เลยหรือไม่?
แนวทางแบบปล่อยปละละเลยมักส่งผลให้ขาดการให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งอาจทำให้พนักงานรู้สึกไร้ทิศทางและไม่ได้รับการยอมรับ หากไม่มีข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ พนักงานอาจไม่ทราบว่าพวกเขาทำงานได้ดีเพียงใดหรือสามารถปรับปรุงได้อย่างไร ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดการมีส่วนร่วมและวัฒนธรรมองค์กรที่อ่อนแอลง
สิ่งที่สามารถทำแทนได้: สร้างนิสัยในการให้ข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเชิงบวกและเชิงสร้างสรรค์ ยอมรับความสำเร็จของทีมและให้คำแนะนำในด้านที่ควรปรับปรุง วิธีปฏิบัตินี้ช่วยรักษาแรงงานที่มีแรงจูงใจและมีส่วนร่วม และเป็นรากฐานของวัฒนธรรมองค์กรที่ให้การสนับสนุน การให้ข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอช่วยให้มั่นใจว่าพนักงานรู้สึกมีคุณค่าและเข้าใจว่างานของพวกเขามีส่วนช่วยในความสำเร็จโดยรวมขององค์กรอย่างไร
บทสรุป – กุญแจสำคัญของการจัดการที่มีประสิทธิภาพอยู่ที่การหาสมดุลระหว่างการควบคุมมากเกินไปและการปล่อยปละละเลยมากเกินไป สไตล์การจัดการที่สมดุลช่วยให้คุณสามารถแนะนำและสนับสนุนทีมของคุณได้โดยไม่ยับยั้งความเป็นอิสระหรือความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา การสร้างสมดุลนี้ช่วยสนับสนุนวัฒนธรรมองค์กรเชิงบวก ซึ่งพนักงานรู้สึกได้รับอำนาจ ได้รับความไว้วางใจ และมีแรงจูงใจที่จะทำงานอย่างเต็มความสามารถ
A Cup of Culture
────
วัฒนธรรมองค์กร
corporateculture
organizationalculture
.
.